“อนุดิษฐ์” ยัน ศึกซักฟอกเน้นข้อเท็จจริง ไม่ใส่ร้ายป้ายสี เตือนรัฐบาลอย่าใช้วิธีพิเศษแลกคะแนนเสียงในสภา

(2 ก.พ. 63) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ผู้อภิปรายทุกคนจะใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบมาแล้วเท่านั้น จะไม่มีการอภิปรายใส่ร้ายป้ายสีอย่างเด็ดขาด ซึ่งผู้อภิปรายทุกคนจะยึดเอาเนื้อหาที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยยังยืนกรอบการอภิปรายไว้ 3 ด้าน เหมือนเดิม คือ

1. ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต่อทุกปัญหาของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว การส่งออก ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ปัญหายาเสพติด ภัยแล้ง น้ำท่วม ฝุ่นพิษหรือโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา ที่ผู้นำรัฐบาลขาดวิสัยทัศน์และความรู้ความสามารถในการจัดการกับปัญหา รวมทั้งขาดภาวะความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤต ที่จะสร้างความอุ่นใจและความมั่นใจให้กับประชาชนได้

2. การทุจริตจากการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งทุกนโยบายที่ออกมาตั้งแต่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแจกเงินตามโครงการชิมช้อปใช้ หรือโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเจ้าสัว ทำให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่รวยขึ้น ขณะที่คนธรรมดากลับยากจนลง เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือ “รวยกระจุก จนกระจาย” ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศในระยะยาว

3. การทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในหลายโครงการและหลายกระทรวง ซึ่งพบว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์สูงยิ่งกว่าที่เคยมีการกล่าวหากันมาในอดีต โดยไม่คำนึงถึงเนื้องานและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ แต่กลับคำนึงถึงแต่ค่าส่วนต่างของโครงการ จนมีการร้องเรียนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านเข้าไปตรวจสอบจึงพบว่ามีพวก “ขยะพิษ” ระดับบิ๊กเนมเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจึงไม่น่าแปลกใจที่องค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจัดอันดับให้ไทยมีการคอร์รัปชันมากขึ้นยิ่งกว่าในอดีต แซงประเทศอื่นๆหลายประเทศในอาเซียนไปเป็นที่เรียบร้อย

“การอภิปรายครั้งนี้ ผมหวังว่าเราคงจะไม่เห็นความพยายามในการที่จะหามือมาโหวตให้ชนะฝ่ายค้านในสภาอีก เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบของงูเห่า หรือการแจกกล้วยให้กับลิงก็ถือเป็นการกระทำที่ไร้อุดมการณ์ เพราะจำนวนมือในสภาย่อมไม่มีค่าเท่ากับความศรัทธาของประชาชน แม้รัฐบาลจะชนะเสียงโหวตในสภา แต่หากไม่สามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้ เสียงข้างมากที่เกิดจากกลุ่มงูเห่าหรือการแจกกล้วยก็ไร้ความหมาย”

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้คนไทยส่วนใหญ่ประสบกับภาวะยากลำบากเป็นอย่างมากจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของผู้นำที่ฉ้อฉล ไร้ประสิทธิภาพและไร้วิสัยทัศน์ หากยังปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องอยู่บริหารงานต่อไป ก็จะนำมาซึ่งความเสียหายและหายนะที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความปรองดอง คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย