(30 เมษายน 2564) นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการยกระดับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 20 คน ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้จำหน่ายในลักษณะของการนำกลับไปบริโภคที่อื่นได้เท่านั้น โดยงดบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม สุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และเปิดให้บริการได้จนถึงเวลา 21.00 น.

 ปัญหาที่ตามมาคือ กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ประสบด้านเงินทุน เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้ระบบทุนหมุนเวียน เมื่อเปิดร้านขายสินค้าไม่ได้ก็ไม่มีรายได้เข้ามีแต่รายจ่าย ทั้งค่าเช่าร้าน ค่าพนักงาน จะดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างไร เพราะสถานการณ์โควิด-19 ที่ไทยเผชิญต่อเนื่องต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 ปี บางรายหมดทุน เพราะไม่สามารถเปิดร้านขายสินค้าได้ตามปกติ จำต้องปิดกิจการ เพราะการออกคำสั่งของรัฐบาลรอบนี้ไม่มีกำหนดว่าจะถึงเมื่อไหร่ คาดว่าหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ร้านค้า ร้านอาหาร ปิดกิจการไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่ง คนจะตกงานมหาศาลอย่างแน่นอน

 นายปิยวัฒน กล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลประกาศไม่ล็อกดาวน์นั้นเพราะรัฐบาลไม่ต้องการชดเชยรายได้ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ในขณะเดียวกันพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ไม่เดือดร้อนเพราะมีเงินเดือน มีเบี้ยประชุม แต่ประชาชนที่ต้องตกงานจากมาตรการของรัฐไม่มีรายได้ ไม่มีเบี้ยประชุมเหมือนรัฐบาล แล้วจะอยู่อย่างไรในสภาวะที่คนตกงานล้นประเทศ ดังนั้นเมื่อพลเอกประยุทธ์มีอำนาจเต็มในการจัดการไวรัสต้องเร่งแก้ปัญหาให้จบโดยเร็ว เพราะประชาชนหลายคนเดือดร้อน และหมดกำลังใจ หากรัฐบาลยังจัดการปัญหาโควิด-19 ล้มเหลวต่อเนื่อง เชื่อว่าสถิติประชาชนฆ่าตัวตายรายวันจะสูงกว่าตายจากโควิดอย่างแน่นอน