“การุณ” จี้รัฐเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หากหวังฟื้นเศรษฐกิจ แนะใช้หอประชุมโรงเรียนรองรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชน
(18 พฤษภาคม 2564) นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดไวรัสโควิดรอบที่ 3 ถือเป็นวิกฤติของประเทศอย่างแท้จริง การระบาดของไวรัสรอบนี้ ส่งผลมีประชาชนติดเชื้อมากเกิน 1 แสนคน ในขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 600 คน และอีกกว่า 400 คนที่ยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาล นอกจากนี้ผู้ประกอบการไม่สามารถเปิดร้านขายสินค้าได้ ย่านธุรกิจการค้า ทั้งค้าส่งค้าปลีกปิดตัว เพราะกลัวการระบาด รวมทั้งประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ชัดเจนว่าการระบาดของไวรัสรอบนี้ทำลายเศรษฐกิจไทยพังพินาศ
ในขณะที่รัฐบาลกลับบริหารประเทศล้มเหลวในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะเรื่องของการฉีดวัคซีนที่ผู้รับผิดชอบออกมาให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกันหลายครั้ง ทำให้ประชาชนสับสนไม่รู้จะเชื่อใครดี ดังนั้นการให้บริการวัคซีนของไทยที่ช้ามากอยู่แล้วก็ยิ่งช้าเพิ่มขึ้นไปอีก เรื่องนี้ตนไม่ได้กล่าวหารัฐบาล แต่ถ้าเปรียบเทียบกับหลายประเทศจะพบว่าเขาให้บริการวัคซีนกับประชาชน จนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว แต่ประเทศไทยพึ่งฉีดไปได้นิดเดียว ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต้องเผชิญกับการระบาดรอบที่ 3 เหมือนในวันนี้ ซึ่งหากจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้นั้น รัฐบาลต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนไม่น้อยว่า 40-50 ล้านคน ตนเองจึงอยากถามตามตรงว่าจะฉีดวัคซีนให้คนไทยแล้วเสร็จได้เมื่อไหร่ เพราะหากยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่แบบนี้ รัฐบาลจะไม่สามารถฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน
นายการุณ กล่าวด้วยว่า ตนเองอยากให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาล หากจะจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ ต้องให้ความจริงใจและเร่งกระจายวัคซีนให้ทั่วทุกภูมิภาคอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยเฉพาะจุดให้บริการวัคซีน ควรใช้พื้นที่สาธารณะให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยกตัวอย่างเช่นในพื้นที่ดอนเมือง รัฐบาลสามารถใช้หอประชุมโรงเรียน หรือ ศาลาการเปรียญ รองรับการฉีดวัคซีนเพราะมีพื้นที่กว้างขวาง รองรับประชาชนได้จำนวนมากโดยไม่แออัด นอกจากนั้นรัฐบาลต้องกระจายจุดบริการวัคซีนให้มากที่สุด อย่ารวบอำนาจไปไว้ในสถานที่ใดที่หนึ่ง เพราะจะเกิดการรวมกลุ่มของประชาชนทำให้เสี่ยงกับการแพร่ระบาดซ้ำเติมเข้าไปอีก
“วันนี้หมดเวลาแก้ตัวแล้ว รัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุดให้เหมือนกับประเทศอื่นๆ นอกจากนั้นยังต้องอำนวยความสะดวกกับภาคเอกชน ให้สามารถนำเข้าวัคซีนได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน อย่าได้ปล่อยให้มีคำครหาว่ารัฐบาลกีดกันเอกชน เพราะยิ่งเปิดให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้การกระจายวัคซีนให้ประชาชนได้รวดเร็วเท่านั้น เมื่อประชาชนฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากก็จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ดังนั้นวัคซีนจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะช่วยให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน เพราะยิ่งเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วเท่าใด ประเทศไทยก็สามารถฟื้นตัว ทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคม ได้รวดเร็วเท่านั้น” นายการุณ กล่าว