นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่ไม่เคยแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้สำเร็จ กลายเป็นรัฐบาลไร้น้ำยา แก้ปัญหาปลายเหตุ ไม่สนใจความเดือดร้อน ปล่อยประชาชนตามยถากรรม เริ่มตั้งแต่การแก้ไขปัญหาราคาผักชีแพงด้วยการให้ทหารปลูกเพื่อให้ราคาลดลง ซึ่งเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดตามธรรมชาติ การปลูกผักชี 1 ไร่ได้ผลผลิตอยู่ที่ 1,300-1,500 กิโลกรัม ต้นทุนการผลิตอยู่ไร่ละเกือบ 5,000 บาท ใช้เวลา 40-45 วัน ซึ่งในเวลานั้นกลไกราคาจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

จนมาถึงปัญหาราคาน้ำมันดีเซลราคาแพงจนผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกออกมาเคลื่อนไหวปิดถนนเรียกร้องให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซล 25 บาท หากไม่ดำเนินการจะหยุดเดินรถ 80,000 คัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับประกาศจะใช้รถทหาร 3,700 คันมาขนส่งสินค้าแทน คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ไม่ใช่คิดเอารถทหารมาแย่งงานธุรกิจขนส่งของประชาชน ขณะเดียวกันฟังก์ชั่นรถทหารไม่เอื้อในการขนสินค้าเพราะมีเพียงรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก, ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีน้ำหนักบรรทุก 1, 4 และ 8 ตันเท่านั้น ความเชี่ยวชาญงานขนส่งของทหารไม่เหมือนกับพนักงานขนส่ง ทำให้การขนส่งไม่เกิดประสิทธิภาพ ทุกอย่างต้องมีต้นทุน รถทหารต้องใช้น้ำมันดีเซล จึงเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับกองทัพโดยที่ไม่ใช่ภารกิจหลักและภารกิจรองของกองทัพ มีผลต่อการของบประมาณที่สูงขึ้นในงบประมาณปีหน้า อายุการใช้งานอาจทำให้ต้องซื้อรถทหารใหม่ทดแทนในภายหน้าตามมาอีก

“ล่าสุดราคาหมูที่พุ่งสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 ปี อาจทำให้มีเนื้อหมูขายถึงไม่เกินปลายเดือนธันวาคมนี้ หวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่แก้ปัญหาด้วยการให้ทหารมาเลี้ยงหมูเพื่อแก้ปัญหาอีก ยิ่งตอกย้ำคำถามของสังคมว่าทหารมีไว้ทำไม” นางสาวตรีชฎากล่าว