“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” ทำให้ไทยสูญเสียศูนย์กลางการขนส่งทางรางให้ลาว ห่วง รถไฟความเร็วสูงของไทยยังไม่ไปถึงไหน การพัฒนาจะตามหลังมาก ต้องเปลี่ยนวิธีคิดก่อนไทยรั้งท้ายทุกด้าน แนะ ฟังคำเตือนสาวอุดร “พัฒนาไม่ได้ก็เกษียณไป”

นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ารถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ระยะทาง 1,035 กม. ระยะทางในลาว 414 กม. ได้เปิดดำเนินการแล้ว หลังจากที่เริ่มก่อสร้างในปี 2559 สร้างความอิจฉาและเสียดายให้กับคนไทยส่วนใหญ่ที่อยากเห็นประเทศไทยมีระบบรถไฟความเร็วสูง ทั้งที่ประเทศลาวก็ยังมีถนนลูกรังจำนวนมากและยังเหลือถนนลูกรังมากกว่าประเทศไทยเสียอีก นอกจากนี้ประเทศลาวและประเทศจีนใช้เวลาประมาณ 5 ปีในการก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าว ในขณะที่ประเทศไทยสร้างแค่ 3.5 กม. แต่ใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่งกว่าจะเสร็จ ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวในประสิทธิภาพการบริหารจัดการของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งหากตัดสินใจทำทั้งสายและมีประสิทธิภาพเหมือนรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ป่านนี้ก็คงใกล้เสร็จแล้วเช่นกัน ไม่ต้องพูดว่าหากเริ่มต้นทำในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรบริหาร ป่านนี้อาจจะมีหลายเส้นทาง หรืออาจจะทำทะลุไปถึงประเทศมาเลเซียแล้ว ซึ่งนอกจากที่ประเทศไทยจะเสียโอกาสแล้ว ไทยยังทำให้ประเทศมาเลเซียเสียโอกาสไปด้วย 

จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าการเดินทางจากเวียงจันทร์ไปคุนหมิงจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชม. จากปกติจะใช้เวลา 2 วัน นอกจากนี้ราคาค่าโดยสารก็ไม่แพง โดยมีราคาค่าโดยสารในชั้นต่างๆ ดังนี้ นครหลวงเวียงจันทน์-บ่อเต็น (ปลายทางชายแดนประเทศจีน) 

ตู้โดยสารชั้น 1 คนละ 294 หยวน หรือ 529,000 กีบ หรือ 1,510 บาท

ตู้โดยสารชั้น 2 คนละ 185 หยวน หรือ 333,000 กีบ หรือ 950 บาท

ค่าโดยสารรถไฟความเร็วธรรมดา คนละ 132 หยวน หรือ 238,000 กีบ หรือ 680 บาท ส่วนค่าโดยสารจากบ่อเต็นไปยังคุนหมิงยังไม่มีข้อมูล แต่หากพิจารณาในส่วนแรกจะเห็นได้ว่าราคาไม่แพงนัก 

อย่างไรก็ตาม การที่รถไฟความเร็วสูงจากจีนมาถึงลาวนี้ แต่รถไฟความเร็วสูงของไทยยังไม่ไปไหน ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานะการนำของประเทศไทยในอาเซียน เรื่องหนึ่งที่พลเอกประยุทธ์ อาจจะคาดไม่ถึงคือความล่าช้าและด้อยประสิทธิภาพของพลเอกประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยสูญเสียศูนย์กลางการขนส่งทางรางไปให้กับประเทศลาวไปแล้ว ทั้งนี้เพราะประเทศไทยยังตามหลังประเทศลาวอีกหลายปีกว่าไทยจะทำรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อลาวเสร็จ ในระหว่างช่วงเวลาหลายปีนี้ ประเทศลาวจะพัฒนาเป็นศูนย์กลางขนส่งทางรางทั้งด้านขนส่งคนและขนส่งสินค้าแซงหน้าประเทศไทยไปไกล และไทยเองก็ต้องไปพึ่งประเทศลาวในการเชื่อมต่อไปจีนกว่ารถไฟความเร็วสูงของไทยที่จะเชื่อมต่อจะเสร็จ ประเทศลาวก็จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางไปไกลแล้ว 

ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศไทยต้องทำรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อไปเวียงจันทน์จากหนองคายเพื่อเชื่อมต่อไปจีน ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเสนอ เพื่อไม่ให้ไทยตกขบวนรถไฟความเร็วสูงนี้นานไปนัก และยังมีเวลาพัฒนาควบคู่ไปกับประเทศลาวก่อนที่ประเทลาวจะแซงหน้าทิ้งไทยไปไกลแบบกู่ไม่กลับ ซึ่งจะทำให้ไทยสูญเสียการนำในอาเซียนไปทีละเรื่องหลังจากที่ประเทศเวียดนามส่งออกชนะไทยมาหลายปีแล้ว และการลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามก็แซงไทย อีกทั้งธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ อุปกรณ์ไฮเทคก็ย้ายไปประเทศเวียดนามกันหมดแล้ว อินโดนีเซียก็มีการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปไกลกว่าไทยมาก การผลิตรถยนต์สมัยใหม่ ก็ย้ายไปประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งหากประเทศไทยยังมีผู้นำที่ยังตามโลกไม่ทัน ไทยจะล้าหลังและจะตามหลังประเทศอื่นๆในอาเซียนในทุกด้าน 

พลเอกประยุทธ์ น่าจะต้องขอบคุณหญิงสาวชาวจังหวัดอุดรธานี ที่เดินทางไปเพื่อเตือนสติพลเอกประยุทธ์ ตรงๆตอนที่พลเอกประยุทธ์ลงพื้นที่อุดรฯ ว่า “พัฒนาไม่ได้ก็เกษียณไปเถอะ” มากกว่าที่จะส่งตำรวจไปข่มขู่เธอ เพราะเชื่อว่าหากถามประชาชนทั้งประเทศส่วนใหญ่ก็จะคิดเหมือนหญิงสาวอุดรฯ ท่านนี้ เพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เสื่อมถอยอย่างมากแล้ว และยังไม่เห็นทิศทางเลยว่าพลเอกประยุทธ์ จะพัฒนาประเทศต่อไปได้อย่างไร มีแต่จะทำให้ประเทศไทยเสื่อมลงตลอด