นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลเตรียมยกเลิกโครงการคนละครึ่ง กลายมาเป็นโครงการ “คนละเสี้ยว” ออกมาแทน โดยรัฐบาลเลิกจ่าย50% เปลี่ยนมาเป็นรัฐช่วยจ่าย 25% แต่ประชาชนต้องจ่ายเอง 75% ซึ่งการช่วยจ่ายของรัฐบาลรอบนี้ถือว่าน้อยมากเทียบเท่ากับห้างสรรพสินค้าลดราคาสินค้าเท่านั้น คือช่วยเหมือนไม่ช่วย แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ ประชาชนไม่มีเงินที่จะมาจะเติมแล้ว แทนที่รัฐบาลจะไปแก้ปัญหาเรื่องของแพงซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาค่าครองชีพ แต่กลับเลือกการแจกเงินที่ทำง่ายแค่กู้มาแจก บ่งบอกว่ารัฐบาลคิดเป็นแค่การแจก กลายเป็นรัฐบาลสร้างหนี้ท่วมหัว ประชาชนเอาตัวไม่รอด สร้างหนี้จนเกินวินัยการเงินการคลัง แทนที่จะหาทางหารายได้เข้าประเทศ แต่กลับขยายเพดานกู้เพิ่ม ยิ่งทำยิ่งถอยหลังลงคลอง

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดแจกเงินช่วยเหลือพิเศษ ผู้สูงอายุเพิ่มอีกรายละ 100-250 บาทต่อเดือน เป็นเวลาสั้นๆ เพียง 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ เม.ย.-ก.ย.65 ทั้งที่ความจริงพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลเคยหาเสียงเอาไว้ว่าเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะเพิ่มให้เป็น 1,000 บาททุกช่วงอายุ รัฐบาลอยู่มาจะครบวาระ4 ปี ไม่เคยทำ แต่มาทำในช่วงนี้ ทั้งสองโครงการคือการ “หาเสียงเลี้ยงกระแส” ในการเลือกตั้งที่อาจจะมาถึงเร็วขึ้นหรือไม่ จากความกลัวความนิยมที่จะลดลงอีกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งจะมีผลต่อความนิยมของรัฐบาลที่ตกต่ำอยู่แล้วให้กลายเป็นติดลบไปอีกขั้น

“ของแพงขึ้นทุกอย่าง ราคาปลาผันผวนจนผู้ค้าลูกชิ้นปลาประกาศเลิกขาย หมูจะขึ้นราคาอีกกิโลละ 5 บาท ไข่จะขึ้นอีกฟองละ 10 สต. ค่าแก๊สหุงต้มขึ้นไปแล้วถังละ 15 บาท ค่าไฟฟ้าขึ้นไปแล้วและจะขึ้นอีกรอบในเดือน พ.ค. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่แก้ที่ต้นตอของปัญหา ปล่อยให้เกิดปัญหาก่อน ค่อยกู้มาแจกทีหลัง เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสภาพลิงแก้แห คิดอะไรไม่ออกก็แจกจนไม่มีเงินแจก แบบนี้ไม่มีวิสัยทัศน์ไม่พอ ยังไม่มีวิจารณญาณอีกด้วย” นางสาวตรีชฎา กล่าว