“สรัสนันท์” ชี้ “ค่าเสียโอกาสของประเทศไทย จากพลเอกประยุทธ์”

นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร กล่าวว่า ความไม่รับรู้และไม่ขยับเพื่อรับมือต่อการแปลงเปลี่ยนโจทย์โลกใหม่ๆที่ทั้งเปราะบางและซับซ้อน ไม่ว่าจะเรื่องความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ สงครามระหว่างรัสเซียยูเครน หรือจีนไต้หวัน ทำให้ประเทศไทยเสี่ยงต่อการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และกำลังตายอย่างรวดเร็ว อนาคตเศรษฐกิจไทยอาจจะหมดหนทางรอดแล้วก็เป็นได้ หากผู้นำยังคงนิ่งและไม่รับรู้กลับหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา
 
สัญญาณแรก คือการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตของบริษัทข้ามชาติต่างๆออกมาจากประเทศจีน และอาเซียนคือจุดมุ่งหมายใหม่แต่หากว่าประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายหลักที่หลายๆบริษัทเลือกที่จะมาลงทุน โดยสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาคอรัปชั่น แรงงานที่สูงกว่าเพื่อนบ้าน สิทธิ์ทางภาษีที่ไทยมีน้อยกว่าเพื่อนบ้าน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ credibility crisis หรือสภาวะขาดความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติและนักลงทุน ที่พลเอกประยุทธ์นำประเทศไทยมาถึงจุดนี้
 
ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกว่า 8ปีของพลเอกประยุทธ์ ประเทศไทยไม่ได้มีการเซ็นตกลงทางการค้าใดๆ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นประเทศเวียดนาม มี FTA มากกว่าประเทศไทยหลายสิบฉบับ. ทำให้การค้าการลงทุนไหลไปทางเวียดนามมากกว่า แม้แต่บริษัทไทยก็ออกไปลงทุนที่เวีนดนามกว่าสามแสนล้านบาท สิ่งที่ประเทศไทยพลาดไปหมายถึง เม็ดเงินการลงทุน การจ้างงาน เศรษฐกิจภายในประเทศที่จะฟูขึ้น
 
ด้วยความด้อยปัญญาการต่างประเทศ เราไม่เห็นการเจรจาเพื่อการค้าการลงทุน ไม่มี FTA ใดๆ ตลอดการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ เราเห็นเพียงแต่นายกไทยไปยืนเป็นคนประกอบในเวทีโลก เห็นการตกลงซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพียงเพื่อเอาใจมหาอำนาจ
 
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสู่หายนะที่น่าเป็นกังวลคือ อุตสาหกรรมยานยนตร์ไทย ที่trendทุกวันนี้มุ่งสู่การบริโภครถยนตร์ไฟฟ้า ที่ไทยไม่มีความสามารถในการผลิต ตลอดแปดปีรัฐบาลภายใต้พลเอกประยุทธ์ไม่เคยมีนโยบายเพื่อรับรองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เคยเตรียมพร้อมในด้านคน ด้านทรัพยากร ด้านกฎหมายบังคับใช้ต่างๆ ทำให้นักลงทุนไป จีน เวีนดนาม อินโด เรียบร้อยแล้ว การเพิ่งมาตื่นรู้ตัวตอนนี้ และทุ่มงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ตั้งเป้าสร้างไทยเป็นศูนย์การผลิตยานยนตร์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาค นั้นมองว่าเราช้าไปและไม่อาจตามประเทศอื่นได้ทัน too little too late มองว่ารัฐบาลนี้วัวหายล้อมคอก และงบประมาณที่นำไปละลายแม่น้ำก็คงคาดผลลัพไม่ได้เช่นกัน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับยายนตร์ไทยคือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สันดาปกว่า 2500ราย จะทยอยปิดตัว แรงงานกว่า 500,000-600,000 ราย จะถูกลอยแพ
อุตสาหกรรมยายนตร์ไทยที่เคยเป็น detriot of asia วันนี้กำลังจะตายคามือรัฐบาลภายใต้พลเอกประยุทธ์
 
นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาแรงงานไทยในต่างแดนก็ถูกละเลยเช่นเดียวกัน ปัญหาใหญ่คือ การลักลอบเข้าประเทศต่างๆแบบผิดกฎหมาย เช่นปัญหาผีน้อยในประเทศเกาหลีใต้ ส่งผลกระทบถึงความสัมพันระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และการเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายทำให้แรงงานไทยไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ เช่น ประกันสังคม หรือถูกโกงค่าแรงบ้าง ถูกกดขี่ต่างๆนานาบ้าง ทำให้คุณภาพชีวิตแรงงานไทยในต่างแดนไม่ได้รับการดูแล ทั้งที่นำรายรับเข้าประเทศ รัฐบาลไม่เคยสนใจที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐบาลควรเดินหน้าเจรจากับหลายๆประเทศเพื่อเปิดช่องทางอย่างถูกกฎหมายให้แรงงานไทยได้ไปทำงานอย่างมีศักดิศรี และได้รับการดูแลตามสิทธิมนุษยชน
 
ทางคณะทำงานด้านการต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยมองว่ารัฐบาลควรทำหน้าที่ปกป้องและอำนวยความสะดวกแรงงานชาวไทยให้สามารถไปทำงานในต่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย คนไทยหลายแสนชีวิตอยู่ต่างประเทศถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง