นโยบาย

สิทธิมนุษยชนและความหลากหลายทางเพศ

HIGHLIGHT

สร้างความเสมอภาคในสังคม แก้กฎหมายให้ทุกคนได้เข้าถึงสิทธิทางกฎหมายและสวัสดิการรัฐอย่างเท่าเทียม

นโยบายสิทธิมนุษยชนและความหลากหลายทางเพศ

สร้างความเสมอภาคในสังคม แก้กฎหมายให้ทุกคนได้เข้าถึงสิทธิทางกฎหมายและสวัสดิการรัฐอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครต้องถูกกีดกันจากเงื่อนไขทางเพศสภาพและเพศวิถี เช่น สิทธิประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ สิทธิลดหย่อนภาษี สิทธิในการหมั้น การอุ้มบุญ การขอสัญชาติ

 

นโยบายเพื่อคนไทยไม่ไร้สัญชาติ 

14 พฤษภาที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอใช้สิทธิเลือกตั้ง มีคนกลุ่มหนึ่งที่แม้จะเกิดและเติบโตในประเทศไทยมาทั้งชีวิตกลับไม่ได้รับสิทธิเดียวกัน นั่นคือคนไทยไร้สิทธิที่เข้าไม่ถึงสถานะทางทะเบียน หรือที่ไม่มีบัตรประชาชน

ข้อมูลจากสำนักทะเบียนกลางปี 2565 ระบุว่าทั่วประเทศมีราษฎรที่ไม่ได้สัญชาติไทยเกือบหนึ่งล้านคน หรือคิดเป็น 1.49% ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์เป็นหนึ่งในกลุ่มหลัก

ภายใต้ความเป็นไทยที่เราคุ้นเคยกันนี้ แท้จริงแล้วประเทศไทยมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ถึงกว่า 50 กลุ่ม ซึ่งจำนวนหนึ่งที่แม้จะอยู่ในแผ่นดินไทยมาตั้งแต่เกิด หรือมีบรรพบุรุษอยู่ในเขตแดนไทยมาหลายต่อหลายรุ่น แต่ทุกวันนี้กลับยังไม่ได้รับสัญชาติไทย

หากมองลงละเอียดที่ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่มีคนที่ไม่ได้สัญชาติมากถึง 286,786 คน (15.6%) 132,515 คน (10.02%) และ 161,567 คน (9.01%) ตามลำดับ ติด 3 ใน 5 จังหวัดที่มีคนไม่ได้สัญชาติไทยมากที่สุดในประเทศ

เพราะพรรคเพื่อไทยตระหนักดีว่าเรื่องสัญชาติคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะเร่งพัฒนาระบบการให้สัญชาติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์และคนไทยไร้สิทธิต้องได้รับสิทธิความเป็นพลเมือง และต้องมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้การไม่ได้รับสัญชาติทำให้ถูกจำกัดสิทธิ และอาจถูกเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการเข้าถึงการศึกษา สิทธิในการรักษาพยาบาล สิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างการมีที่ทำกิน สิทธิในการประกอบอาชีพ ผลที่ตามมาจึงเป็นการเข้าสู่วงเวียนของความยากจนเชิงโครงสร้างและขาดโอกาสในชีวิตอย่างไม่จบสิ้น ยังไม่รวมถึงนโยบายช่วยเหลือจากรัฐเมื่อเกิดภัยพิบัติ อย่างเช่น ภัยธรรมชาติ หรือ โควิด-19 ที่คนกลุ่มนี้ก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน

ที่ผ่านมา เพื่อไทยทำเป็น เพื่อไทยได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับสิทธิของบุคคลมาตลอด โดยเพื่อไทยเป็นส่วนหนึ่งในการให้การรับรองสิทธิบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย เช่น  ในปี 2548 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมติ ครม.ให้สิทธิทางการศึกษาในระบบสำหรับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย และมีการอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวเท่ากับผู้มีสัญชาติไทย และในปี 2553 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ให้สิทธิประชาชนที่อยู่ระหว่างกระบวนการได้รับสัญชาติไทยให้เข้าถึงหลักประกันสุขภาพได้ 

วันนี้เพื่อไทยคิดใหญ่ พร้อมที่จะยกระดับสถานะทางทะเบียนไปอีกขั้น เพื่อให้พี่น้องชาติพันธุ์และคนไทยไร้สิทธิทุกคนได้รับสัญชาติและได้สิทธิที่พึงมี ซึ่งประโยชน์ไม่เพียงแค่ตกอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์เท่านั้น ด้านประเทศเองก็จะขับเคลื่อนด้วยประชากรที่มีความพร้อม เต็มไปด้วยโอกาส และเป็นสังคมที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น