ย้อนศรพลังประชารัฐ ปมดิไอคอน! ‘ภูมิธรรม’ วอน อย่าใช้ดราม่ากำหนดความจริง
‘ภูมิธรรม-มนพร’ ย้อนศรพลังประชารัฐ คดี ดิไอคอน อย่าให้ดราม่ามากำหนดความจริง ลั่น ไม่มีเทวดาในพรรคเพื่อไทย เพราะหัวใจคือประชาชน
“แกนนำเพื่อไทย” ภูมิธรรม – มนพร โต้ “พลังประชารัฐ” อย่าโยนบาป “ดิ ไอคอน” ท้าเอาข้อเท็จจริงมาดู “บอสคนดัง” ลาออกจากสมาชิกพรรคไปทำธุรกิจนานแล้ว ลั่น พรรคเพื่อไทย ไม่มีเทวดา
กรณีที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐแถลงข่าวเปิดเผยตัวย่อชื่อบุคคลในพรรคเพื่อไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทวดา “คดี ดิ ไอคอน”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า อย่าอยู่กับการคาดเดา เพราะการคาดเดาเมื่อพลาด จะทำให้คนที่ถูกคาดเดาเกิดความเสียหายได้ แต่วันนี้ต้องอยู่กับความเป็นจริง ซึ่งกฎหมายเเละกระบวนการยุติธรรมพร้อมทำหน้าที่หากมีความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคดีดิ ไอคอนหรือคดีใด เราใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างเต็มที่ หากเกี่ยวพันไปถึงใคร เรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งกระบวนการทำหน้าที่อย่างเต็มที่
“ผมอยู่กับความเป็นจริงครับ แล้วเอาข้อเท็จจริงมาดู แล้วดูว่ากระบวนการยุติธรรมมีการจัดการอย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ พูดชื่อตัวย่อ คนในพรรคเพื่อไทย เป็นการหวังผลทางการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่ถ้าหากจะให้รัฐบาลทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขอให้นำส่งหลักฐาน ไม่ใช่การคาดเดา เเละดูกระบวนการตรวจสอบว่าดีเเละสมบูรณ์เเล้วหรือยัง พร้อมย้ำว่า วันนี้อยู่กับความเป็นจริง ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องดราม่า อย่าให้ดราม่ามากำหนดความเป็นจริง
ขณะที่ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวย่อ ม. สองตัวที่ถูกกล่าวถึง ม. ตัวแรกคงหมายถึง นายมานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส.พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ และ ม. ตัวที่สอง คือ นางมนพร ซึ่งในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ได้ทำหน้าที่กรรมาธิการ (กมธ.) คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร โดยเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2566 กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ได้ตั้งคณะอนุ กมธ. ที่มีนางมนพรเป็นประธาน ขึ้นมาหารือเรื่องร้องทุกข์จากหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้องเรียนว่าบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ชักชวนให้สมัครสมาชิกและซื้อสินค้า เป็นยาสีฟัน จำนวน 211,115 บาท แต่กลับได้ยาสีฟันเพียงแค่ 50 หลอด . ผลการดำเนินการของอนุ กมธฯ ได้ส่งเรื่องให้สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ดำเนินการไกล่เกลี่ย และทั้งคู่สามารถเจรจากันได้ โดยที่บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป คืนเงินทั้งหมด
นางมนพร ยืนยันว่า กมธ.ในขณะนั้น ดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ได้มีการดอง เพราะเราคิดว่าคณะกรรมาธิการของสภาทุกคณะ ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน เมื่อประชาชนเดือดร้อนต้องการเงินคืน เราเร่งรัดเพื่อเอาเงินคืนให้ผู้ร้อง ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือน ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน พร้อมระบุว่า ไม่ทราบว่าพรรคพลังประชารัฐพยายามจะเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งในเวลานั้นเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไปทำไม มองว่าคนให้ข่าวยังไม่เข้าใจระบบ เพราะอำนาจของ กมธ.ไม่ใช่การเอาถูกหรือเอาผิด อีกทั้งผู้ที่ให้ข่าวคงรู้อยู่แก่ใจว่า ในขณะที่เขาเป็นพรรครัฐบาล เหตุใดจึงปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นเรื้อรัง จนทำให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนอยู่อย่างนี้
นางมนพร ยังได้พานายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการในขณะนั้น ร่วมให้สัมภาษณ์ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง พร้อมนำเอกสารแจ้งผลดำเนินการไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้เสียหายให้ผู้สื่อข่าวด้วย
ส่วนการพูดถึงนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม ซึ่งเคยเป็นผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย นางมนพร กล่าวว่า นายยุรนันท์ ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยนานแล้ว ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ส่วนการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค
สำหรับกรณีเชื่อมโยงกลุ่มสามมิตร ซึ่งขณะนี้ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นางมนพร กล่าวว่า เรื่องนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปแล้ว และคงไม่ดำเนินคดีกลับ กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะนักการเมือง จะไม่หาเรื่องกับประชาชน ทั้งนี้ ส่วนตัว ตนไม่รู้จักกับบรรดาบอสต่างๆ สักคน . ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทย มีเทวดาหรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ไม่มีเทวดา มีแต่ สส. และผู้บริหาร พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน
“ขอให้ย้อนกลับไปดูเทวดาของท่าน ไม่ต้องมาคิดถึงเทวดาของพรรคเพื่อไทย เทวดาคงอยู่บนท้องฟ้า” มนพร กล่าว
ขณะที่ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวเสริมว่า การที่มีข่าวออกมาเช่นนี้ ไม่เป็นธรรมกับนายมานะ และนางมนพร เพราะตอนนั้นเราทำงานกันอย่างตรงไปตรงมาจนได้ข้อยุติ แต่หากรัฐบาลใส่ใจตั้งแต่ตอนนั้นว่า มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และดูแลเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น รวมถึงต้องไปดูในกระบวนการที่บกพร่อง ว่าเกิดจากอะไร เป็นความบกพร่องใน สคบ. หรือไม่