“ของขวัญปีใหม่ของคนไทย” โดย วัฒนา เมืองสุข
นับตั้งแต่ คสช ได้ยึดอำนาจการปกครองโดยมีข้ออ้างตามประกาศ คสช ฉบับที่ 1/2557 ว่า “เพื่อให้ประเทศเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคี ตลอดจนเพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย” นั้น บัดนี้เป็นเวลา 19 เดือนเศษแล้ว ผมยังมองไม่เห็นวี่แววความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาแต่กลับเห็นว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤตอย่างรุนแรงที่เกิดจากผู้นำและองคาพยพที่ คสช ได้ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจและความศรัทธาให้เกิดแก่ประชาชนได้
เริ่มจากการสร้างความไม่น่าเชื่อถือต่อคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างการเยือนญี่ปุ่นว่า “ไทยกำลังเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตยตามโรดแมปที่วางไว้ คาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้ในช่วงต้นปี 2559” ต่อมาโรดแมปของท่านก็ขยายเป็นกลางปี 2560 และล่าสุดจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโรดแมปของท่านคือ “จะให้มีเลือกตั้งหรือไม่มีเลยมันก็เรื่องของผม รัฐธรรมนูญไม่ผ่านแล้วผมจะทำอย่างไรก็เรื่องของผม” ยังไม่รวมวาทกรรมทางการเมืองอื่นๆ อีก เช่น ให้ชาวสวนยาง “นำยางไปขายที่ดาวอังคาร” หรือ “แต่งบิกีนี่ที่ประเทศไทยจะรอดมั้ย เว้นแต่จะไม่สวย” เมื่อคราวเกิดเหตุฆาตรกรรมนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่าจนเกิดการประท้วงจากต่างชาติ หรือการที่ท่านเห็นนักการเมืองเป็น “ขยะมนุษย์ที่ต้องเอาออกจากประเทศให้หมด” แม้กระทั่งผู้สื่อข่าวก็ยังโดนวาทะว่า “เดี๋ยวทุ่มด้วยโพเดี้ยม” ส่วนที่ลือลั่นที่สุดน่าจะเป็นคำพูดที่ว่าจะ “ปิดประเทศ” เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุแห่งความเสื่อมที่เกิดจากคำพูดของท่านเองที่เรียกว่า “โอษฐภัย” หรือภัยอันเกิดจากคำพูดทั้งสิ้น
เรายังเผชิญวิกฤตในด้านการสร้างความปรองดอง ที่เกิดจากรัฐบาลทำตัวเป็นคู่กรณีแห่งความขัดแย้งและเลือกข้างทางการเมืองเสียเองทำให้ประชาชนไม่เชื่อในความยุติธรรม ดังเช่นการที่รัฐบาลดำเนินคดีกับผู้ที่ติดตามตรวจสอบการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมทางการเมือง แต่กลับไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลกว่า 200 คนที่ไปประท้วงที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รัฐบาลยังล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การส่งออกที่เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยทั้งปีคาดว่าจะติดลบไม่น้อยกว่า 5.5% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบที่ 3% การบริโภคภายในตกอย่างต่อเนื่อง การลงทุนใหม่ๆ ไม่เกิดขึ้น ส่วนการลงทุนภาครัฐไม่ทำให้นักลงทุนมั่นใจ ประเทศคู่ค้าสำคัญยังใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากดดันให้รีบคืนอำนาจให้ประชาชน และที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2559 คือชาวนาจะปลูกข้าวไม่ได้อันเกิดจากภัยแล้ง
เรายังเผชิญวิกฤตศรัทธาจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธานที่ไม่เคยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่าเรากำลังจะมีรัฐธรรมนูญอันเป็นกติกาการเมืองของประเทศที่มีความเป็นสากลและอยู่บนหลักนิติธรรม กรธ. มีหน้าที่สำคัญคือการนิรโทษกรรมให้กับ คสช. และรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากการบริหารราชการภายหลังการยึดอำนาจ ทั้งที่ได้มีการนิรโทษกรรมให้กับการยึดอำนาจไปครั้งหนึ่งก่อนหน้าแล้ว โดยมีประธาน คสช ออกมาปกป้องการทำหน้าที่ของนายมีชัยด้วยการให้สัมภาษณ์ว่า “จะโดนตำหนิทุกวันอย่างนี้ไม่ได้” ที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเป็นวิกฤตของประเทศที่ทำให้ประชาชนขาดศรัทธา หมดความเชื่อถือและไม่เชื่อมั่นว่า คสช และคณะจะแก้ปัญหาให้กับประเทศได้
ปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่ต้องเร่งแก้ไขคือปัญหาเศรษฐกิจซึ่งเห็นแล้วว่าไม่มีทางแก้ไขได้ เพราะกลุ่มประเทศที่เป็นคู่ค้ารังเกียจและไม่คุยกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ ยิ่งอยู่นานขึ้นเท่าไรปัญหาก็จะมากและแก้ไขได้ยากขึ้นเท่านั้น นี่คือข้อจำกัดอันเป็นเหตุให้นานาชาติกดดันไม่ได้เกิดมาจากใครคนใดคนหนึ่ง ผมเชื่อว่าทุกคนหวังดีต่อชาติบ้านเมืองแต่สิ่งที่ประเทศนี้ต้องการมากกว่าความหวังดีคือ “การเสียสละ” ทำได้ด้วยการรีบคืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อให้ไปเลือกรัฐบาลมาแก้ปัญหาของประเทศ เลิกอ้างเสียทีว่าหากเลือกตั้งแล้วคนไทยจะตีกัน ทุกคนควรเคารพดุลพินิจของประชาชนว่าสามารถจะตัดสินอนาคตของตนเองได้ พวกท่านไม่คิดจะเสียสละให้เป็นของขวัญแก่คนไทยในโอกาสปีใหม่ 2559 บ้างหรือ
วัฒนา เมืองสุข
30 ธันวาคม 2558
ที่มา :www.facebook.com/WatanaMuangsook