นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรียกร้อง
กกต.ควรงดเดินทางไปดูงานต่างประเทศช่วงนี้ เนื่องจาก พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา5
บัญญัติให้ประธาน กกต.เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ถือเป็นหน้าที่โดยตรงที่
กกต.ต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะเวลานี้อยู่ในช่วงก่อนทำประชามติซึ่งจะมีปัญหาต่าง ๆ
ให้แก้ไขมากมายส่วนเรื่องการดูงานของ พตส.ควรมอบให้ฝ่ายประจำดำเนินการไปอย่างประหยัดในภาวะที่บ้านเมืองมีปัญหาด้านเศรษฐกิจตกต่ำฝืดเคืองอยู่ในขณะนี้

    นายชวลิต ฯ กล่าวว่า ปัญหาการทำประชามติคงมีมากมายเพราะประเทศไทยทำประชามติบนสถานการณ์ที่
คสช.มีคำสั่งที่13/2559 ซึ่งแสดงโดยปริยายให้ประชาชนและต่างประเทศได้เห็นว่า
แม้คสช.จะควบคุมประเทศมาจะครบ2 ปีแล้ว
บ้านเมืองยังไม่ปกติจึงต้องมีคำสั่งพิเศษดังกล่าวซึ่งก็คงเป็นเรื่องแปลกแบบไทย
ๆที่จะทำประชามติท่ามกลางคำสั่งพิเศษคล้าย ๆ กับมีกฎอัยการศึกทั่วประเทศ

    นอกจากนี้ ประเด็นปัญหาการทำประชามติยังมีความเห็นที่แตกต่างกันมากในแต่ละภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น
กรธ. สนช. สปท. พรรคการเมือง นักวิชาการเอ็นจีโอ ฯลฯ
หรือแม้แต่ฝ่ายบริหาร 3 ท่าน ก็ยังมีความเห็นแตกต่างกัน
สองท่านเห็นว่าใส่เสื้อ Vote No ไม่ได้ แต่นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เห็นว่าใส่ได้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่คงเชื่อตามนายวิษณุฯ
เพราะเป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย แล้ว  กกต.ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายมีความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร
ตนจึงขอให้กกต.งดเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเวลาก่อนทำประชามติ เพื่ออยู่แก้ไขปัญหาในฐานะผู้รักษาการตาม
พ.ร.บ.ประชามติ

    นายชวลิต ฯ กล่าวในที่สุดว่ารธน.เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่กำหนดโครงสร้างการเมือง
การปกครอง ซึ่งมีผล กระทบกับคนไทยทุกคนทั้ง 70 ล้านคน
ตนจึงเห็นสอดคล้องกับคุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธ์ ที่ให้ความเห็นไว้ว่าควรเปิดกว้างการทำประชามติ  หากปิดกั้นก็ไม่ควรเสียงบประมาณมหาศาลเกือบสามพันล้านบาท
ควรเอางบประมาณไปแก้ปัญหาภัยแล้งจะดีกว่า

20 เมษายน 2559