“เพื่อไทย” เข้าแจ้งความหลังถูกข่มขู่ระหว่างหาเสียงกำแพงเพชร ขอ กกต. จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
(19 ก.พ. 63) เมื่อเวลา 14.30 น. นายกัมพล ปัญกุล ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดกำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวกรณีถูกข่มขู่คุกคามในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
โดย นายกัมพล ระบุว่า แกนนำในพื้นที่รวมถึงผู้สนับสนุนได้ถูกคุกคาม คาดว่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยการมารับตัวผู้สนับสนุนและแกนนำที่มาช่วยรณรงค์หาเสียงไปพูดคุยกับผู้มีอำนาจ ทำให้เกิดความหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย แกนนำหลายคนจึงขอถอนตัวอยู่บ้าน จึงมองว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งควรจะให้ประชาชนตัดสินอย่างเสรี โดยเฉพาะการสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง รวมถึงตัวผู้สมัครต้องทำได้โดยเสรี
นายกัมพล กล่าวต่อไปว่า รถผู้ติดตามก็ถูกรถต้องสงสัยขับบล็อกหน้าบล็อกหลัง พร้อมกับตามถ่ายรูปบ้านเรือน ซึ่งถือเป็นการคุกคาม โดยผู้ต้องสงสัยแต่งกายนอกเครื่องแบบมาในรูปแบบของพลเรือน ซึ่งเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ
ด้าน นายอนุสรณ์ มองว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการใช้กระบวนการพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเป็นลักษณะขอนแก่นโมเดล เพราะผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยจะไปเปิดเวทีปราศรัยย่อยก็ถูกกดดันไม่ให้ประชาชนออกมาฟัง ส่วนอีกพรรคการเมืองสามารถทำได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ในวันเลือกตั้งที่จะถึงนี้ จึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นขอนแก่นโมเดล หรือเห็นรถฮัมวี่รถทหารเข้ามาวิ่งในพื้นที่ ขอให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกติกา คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม แข่งขันอย่างตรงไปตรงมา อย่าหวังคะแนนเพื่อต่อลมหายใจ โดยใช้การบริหารจัดการพิเศษ เพราะสุดท้าย คนที่เสียหายคือประเทศชาติและประชาชน ซึ่งส่วนตัวได้รับข้อมูลและทราบข้อเท็จจริงแล้วว่า เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาข่มขู่คุกคามมาจากหน่วยงานใด และใครเป็นผู้ดูแล จึงขอให้หยุดการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ไม่สร้างสรรค์ และไม่เป็นประชาธิปไตย
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอ พรานกระต่าย นายกัมพล พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อาวุธ เกิดยินดี สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอพรานกระต่าย เพื่อให้ลงบันทึกประจำวัน และมอบพยานหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่ง นายกัมพล กังวลว่าอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตของตนเองและผู้สนับสนุน ทั้งที่ตั้งใจลงสมัคร เพื่อทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ และใช้ความรู้ความสามารถรวมถึงประสบการณ์ที่เคยทำงานให้กับพี่น้องประชาชนมามากกว่า 17 ปีดูแลคนในพื้นที่ และอยากให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้ง แต่กลับมาถูกข่มขู่ คุกคาม กลั่นแกล้ง จึงฝากถึงผู้มีอำนาจขอให้ใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม อย่าแบ่งว่าพรรคไหนพวกใคร ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ควรจะต้องใช้หลักนิติธรรมใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พร้อมเปิดเผยด้วยว่า หลังจากนี้จะมีแกนนำในพื้นที่ผู้สนับสนุน รวมถึงพี่น้องประชาชนที่ถูกข่มขู่จะทยอยเข้าแจ้งความ