พรรคเพื่อไทย จัดเสวนาวิชาการ “เงินประกันสังคม…เงินเขา…ใครควรได้ประโยชน์” ผลักดันแก้ไขระบบประกันสังคม เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ผู้ประกันตน
29 มิถุนายน 2563 พรรคเพื่อไทย จัดเสวนาวิชาการหัวข้อ “เงินประกันสังคม…เงินเขา…ใครควรได้ประโยชน์” โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร่วมกล่าวเปิดการเสวนา ขณะที่วิทยากรประกอบด้วย ดร.สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตและนักวิชาการอิสระ และนายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) โดย ดร.อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค เป็นผู้ดำเนินรายการ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาเรื่องผู้ประกันตนถือว่าเป็นปัญหาหลักและเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร เพราะมีผู้ประกันตนอยู่ในระบบถึง 10 กว่าล้านคน โดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทยสนับสนุนผู้ประกอบการ พนักงาน ลูกจ้างบริษัทต่างๆ เข้าในระบบประกันสังคมให้มากขึ้น เพราะเราอยากเห็นระบบของประกันสังคมเข้มแข็งและแข็งแรง เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำให้สิทธิของผู้ประกันตนมีสิทธิที่สมบูรณ์ ในขณะเดียวกันการช่วยเหลือต่างๆ ก็จะเป็นระบบ และส่งเสริมการออมในระยะยาวสำหรับคนทำงานทุกคน ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมา จากวิกฤติโควิด-19 ทำให้เรามองเห็นว่ากฎหมายประกันสังคมและระบบประกันสังคม เราจะสามารถเติมเต็มได้อย่างไร และในขณะเดียวกันเมื่อผู้ประกันตนได้ทำการประกันตนแล้ว เมื่อมีปัญหาหรือเกิดวิกฤติขึ้นมา ทำให้เราได้รู้และเห็นว่าผู้ประกันตนต้องการอะไร คาดหวังอะไร และอยากได้อะไรจากประกันสังคมที่เขาร่วมอยู่ในระบบนี้ ซึ่งระบบประกันสังคมต้องมาตอบโจทย์และแก้ปัญหาเหล่านี้
ดร.สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยสนใจเรื่องประกันสังคมมาตั้งแต่ต้น และได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขจัดการกองทุนนี้ ซึ่งมีการแก้ไขมาหลายรอบ วันนี้ต้องยอมรับว่ายังมีปัญหาอยู่ เสียงโอดครวญพร่ำบ่นน้อยใจ แม้กระทั่งเสียงลมหายใจรวยรินของผู้ประกันตนเราก็ได้ยิน นั่นแสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้น และพรรคเพื่อไทยไม่สามารถนิ่งเฉยได้ เพราะหัวใจของเราอยู่ที่คนจน ซึ่งเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของพรรค ฉะนั้นจึงต้องดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร 1. หากเกิดจากกฎหมายก็ต้องแก้ที่กฎหมาย ซึ่งมีอยู่หลายจุดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย 2. ปัญหาเกิดจากการบริหารจัดการกองทุนหรือไม่อย่างไร และด้วยปัญหาต่างๆ จึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปปฏิรูปบริหารจัดการ สุดท้ายคือสมมติฐานของพรรคเพื่อไทยที่มองว่าอาจจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเอง ที่เข้ามาแทรกแซงสั่งการให้ระบบบิดเบี้ยวเสียหลักการทำให้เดินต่อไปไม่ได้ ซึ่งตอนนี้พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการศึกษาและยกร่างแก้ไขกฎหมายเรื่องนี้ขึ้น และจะผลักดันเข้าสู่สภาต่อไป
ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ผู้ประกันตนควรได้ประโยชน์จากเงินประกันสังคม เพราะเป็นผู้จ่ายเงินสมทบ ระบบประกันสังคมไม่ได้เหมือนสวัสดิการของรัฐทั่วไป หากมีระบบประกันสังคมที่เข้มแข็ง เมื่อเกิดวิกฤติปัญหาจะต้องรองรับคนที่เดือดร้อนได้ทั้งในเรื่องความมั่นคงและคุณภาพชีวิต รวมถึงระบบเศรษฐกิจในระยะยาว เพราะฉะนั้นจึงต้องสร้างระบบประกันสังคมให้ดี ปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน และระบบไอทีต่างๆ จึงขอเสนอให้มีการแก้กฎหมายให้สำนักงานประกันสังคมออกจากระบบราชการ ให้เป็นองค์กรของผู้ประกันตน ให้เป็นเจ้าของโดยผู้ประกันตน แต่รัฐมีบทบาทร่วมด้วย เหมือนตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือแบงก์ชาติ แล้วระบบการทำงานจะดีขึ้น
นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) กล่าวว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกันสังคม 1. เปลี่ยนนิยามผู้ประกันตน ให้คนที่มีรายได้ อายุ 15 ปีขึ้นไป เข้าสู่ระบบประกันสังคมได้ ซึ่งเป็นระบบประกันสังคมแบบถ้วนหน้า 2. กรณีรับบำนาญชราภาพ ที่อยู่ในระยะเวลา 5 ปี 60 เดือน เสียชีวิต จะได้รับเงินแค่ 10 เท่าของเงินชราภาพ เช่น รับเงิน 3,000 บาท จะได้เพิ่มเป็น 30,000 บาท โดยมีเงินออมไว้ 200,000 บาท ส่วนที่เหลือก็เข้าสู่กองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่หดหู่ใจ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะมีผลกระทบต่อกองทุนประกันสังคม โดยเฉพาะรูปแบบการจ้างงานที่เปลี่ยนไป และการสามารถทำงานที่บ้านได้ ดังนั้นเงินประกันสังคมจะลดลงเรื่อยๆ จึงอาจต้องมีกฎหมายออกมาคุ้มครองผู้ใช้แรงงานงานที่ทำงานส่วนนี้ด้วย