“โฆษกเพื่อไทย” ย้ำ ใครหวังดีกับประเทศต้องเลิกคิดทำรัฐประหาร

ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการรัฐประหารที่มีอย่างต่อเนื่อง จนกลุ่มราษฎรต้องออกมาชุมนุมเตรียมพร้อมรับรัฐประหาร ว่า หากรัฐบาลคิดจะทำรัฐประหารผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมีทั้งมิติการยอมรับของประชาคมโลก และมิติการเมืองภายในประเทศ เนื่องจากการเปลี่ยนประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาเป็นการนำของนายโจ ไบเดน ที่มุ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งหากมีรัฐประหารย่อมส่งผลต่อการยอมรับในระดับนานาชาติ และการเมืองภายในประเทศ

ผศ.ดร.อรุณี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราเรียนรู้แล้วว่าการรัฐประหารทุกครั้งไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูปประเทศอย่างที่ประชาชนคาดหวัง โดยเฉพาะการรัฐประหารครั้งล่าสุด เมื่อปี 2557 ที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลหวังว่าจะเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย และเกิดการปฏิรูปประเทศ แต่ข้อเท็จจริงผ่านมาเกือบ 7 ปี การปฏิรูปประเทศไม่เดินหน้า และดัชนีชี้วัดการทุจริตก็สูงขึ้น ไทยติดอันดับความเหลื่อมล้ำของโลก และที่สำคัญยังมีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกำจัดผู้เห็นต่างจากรัฐอย่างชัดเจน โดยล่าสุดมีการนำมาตรา 112 มาใช้จัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมือง แม้ศาลจะยังไม่มีคำสั่งใดออกมา แต่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลที่มีพื้นฐานจากการรัฐประหารเป็นอุปสรรคขัดขวางประชาธิปไตย

“การทำรัฐประหารไม่ว่าจะมองมุมใด ในสถานการณ์และบริบทโลกปัจจุบัน ย่อมทำให้ประเทศไทยถดถอยและล้าหลัง ดังนั้น หากใครคิดหวังดีกับประเทศ ขอให้เลิกคิดเรื่องนี้ ปล่อยให้การเมืองเดินหน้าพร้อมคู่ขนานไปกับการรับฟังเสียงของประชาชน” ผศ.ดร.อรุณี กล่าว