“เพื่อไทย” แนะปรับลดงบประมาณกลาโหมลง เพื่อเอาเงินใช้แก้โควิด ทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ

(23 พฤษภาคม 2564) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล มีมติ ครม. เห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาทเพิ่มอีก โดยไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบว่า รัฐบาลอ้างว่าออก พ.ร.ก. นี้เพื่อนำเงินไปใช้แก้ปัญหาโควิด ทางด้านสาธารณสุข ฟื้นฟูเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชน ทั้งที่เมื่อปี 2563 รัฐบาลก็เพิ่งออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งการกู้เงินต้องเสียดอกเบี้ยเป็นภาระให้ประชาชน เมื่อตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินกู้ก้อนดังกล่าวพบว่า งบประมาณด้านสาธารณสุข มีการเบิกจ่ายไปเพียง 20% เท่านั้น ทั้งที่ขณะยังมีปัญหาความพร้อมอีกหลายด้านทั้งเรื่องการตรวจรักษาและการจัดหาวัคซีนที่ยังไม่เพียงพอ

ล่าสุดได้รับข้อมูลมาว่า ที่เขตคลองเตย พบการขายบัตรคิวฉีดวัคซีน มูลค่า 3,000 บาท เนื่องจากชาวบ้านไม่มีเงินและกำลังอดตายจึงต้องขายบัตรคิววัคซีนของตนเองให้กับคนรวย หรือกรณีแคมป์คนงานหลักสี่ พบว่ามีผู้ติดเชื้อรอรับการรักษานานกว่า 5 วันแสดงให้เห็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล

“รัฐบาลกู้เงินสร้างภาระให้กับประเทศชาติ สุดท้ายคนไทยทุกคนต้องเป็นผู้รับผิดชอบเงินกู้นี้ แต่รัฐบาลกลับใช้ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินมาใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะเราสามารถปรับลดงบประมาณปี 2565 ในส่วนของกระทรวงกลาโหมเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิดได้”

โดยงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมนั้น ได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้ผ่านงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้กับกระทรวงกลาโหม ในส่วนของกองทัพเรือ จำนวน 16,210 ล้านบาท เพื่อสร้างทางขับเครื่องบินและลานจอดศูนย์บำรุงอากาศยานอีก ซึ่งถ้ารวมเงินกู้ในส่วนนี้กับงบประมาณปี 2565 ก็จะเท่ากับว่ากระทรวงกลาโหมได้รับอนุมัติงบประมาณในปี 2565 มากกว่าที่เคยได้ในปี 2564 ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมปี 2565 ลงอีก เพื่อเอาเงินมาใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิดทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ

ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะใช้การอภิปรายงบประมาณ เป็นเวทีในการซักฟอกรัฐบาลที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิดและปัญหาเศรษฐกิจ และขอเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอย่าพายเรือให้พลเอกประยุทธ์นั่งต่อไป โดยไม่รับหลักการงบประมาณ 2565

เงินกู้ของประเทศขณะนี้ใกล้เต็มเพดานแล้ว ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับการเงินการคลัง ซึ่งทราบมาว่าในเดือนมิถุนายนนี้ พลเอกประยุทธ์ เตรียมขยายเพดานเงินกู้ให้สูงกว่า 60% ซึ่งวินัยทางการเงินการคลังจะล้มเหลว หากยังคงกู้เงินไปเรื่อยๆ แบบนี้สุดท้ายอาจเกิดภาวะล้มละลายทางเงินของประเทศ