นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก
รัฐ ’ล็อกดาวน์’ บทบาทตัวเองหรือ?
ข่าวความสับสนในมาตรการการจัดการแก้วิกฤตของรัฐ ความไร้ประประสิทธิภาพในบริการของรัฐ ความผิดหวัง สิ้นหวังของประชาชนที่ต้องรอคอยบริการจากรัฐ เกิดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เคียงคู่กับข่าวบทบาทของภาคเอกชนและภาคประชาชนที่ระดมความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากวิกฤตโรคโควิดอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าเป็นการจัดหาวัคซีน การสร้างและบริการสถานที่พักพิงรอคอย การสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม ที่สำคัญคือกลุ่มอาสาสมัครต่างๆ ปลายทางสุดท้ายถึงบ้าน บรรเทาทุกข์ถึงตัวผู้ติดเชื้อทั้งหลาย ไม่ว่าเครือข่ายมูลนิธิกระจกเงา กลุ่มเส้นด้าย มูลนิธิต่างๆ ตลอดจนเครือข่ายนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ใกล้ชิดประชาชน ต่างต้องที่เสียสละช่วยเหลือดับทุกข์ คลายกังวลของผู้เป็นทุกข์ระดับหนึ่ง
ในที่นี้ ยังต้องขอยกย่องบุคลากรการแพทย์สาธารณสุขด่านหน้าที่เรายกย่องเป็น ‘นักรบเสื้อขาว’ ที่ต้องเสียสละทำงานหนักหน่วง บางท่านเหนื่อยจนเป็นลมหมดสติ หน้างาน บางท่านติดเชื้อ จนบางท่านเสียสละชีวิต ที่ต้องขอคารวะในที่นี้
แต่คำถามจึงพุ่งไปที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ที่แต่งตั้งตนเองเป็นผู้อำนวยการ’ศบค’ , ผู้อำนวยการ’ศบศ’, ผู้อำนวยการ ‘ศบค.กทม.’, ฯลฯ รวมอำนาจไว้เพื่อการสั่งการที่ฉับไว ทันการณ์ แต่สถานการณ์กลับเป็นตรงข้าม เกิดคำถามสงสัยมากมาย
- มาตรการและการสั่งการไม่เป็นเอกภาพ กลับไปมา ไม่ทันการณ์ จนมีคำกล่าวว่า ‘ รัฐบาลขับเคลื่อนด้วยการด่า’
- ‘สั่งการตามหลังสถานการณ์’ คือ มีปัญหาแล้วแก้ตาม ขาดการคาดการณ์ที่ถูกต้อง เตรียมความพร้อมด้านทรัพยากร ไม่ว่าเป็นมาตรการ บริหารกำลังคน จัดหาเวชภัณฑ์รองรับที่เพียงพอ และการสั่งการทันการณ์ การแก้ปัญหาทุกวันนี้ จึงเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ที่ผู้รับเคราะห์คือประชาชน
- ‘ไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร’ กล่าวคือ รัฐมีงบประมาณ มีข้าราชการเป็นกำลังคนมากมาย เช่นมีกองทัพ มีกำลังคน เตรียมในยามสงคราม วันนี้ ประเทศมีสงครามกับโควิด กองทัพจะปรับบทบาทนำทรัพยากรและกำลังพลมาแก้ไขอย่างไร กระทรวงพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์(พ.ม.) จะมีบทบาทอย่างไร ต้องรอให้อาสาสมัครบริการประชาชนและขอเรี่ยไรบริจาคเงินกันเองมาทำงานกระนั้นหรือ กระทรวงเศรษฐกิจดิจิตอล จะคอยจับผิดคนเดือดร้อน ที่ออกมาเรียกร้องรัฐบาลเท่านั้น หรือเร่งขยายบทบาทสร้างพัฒนาระบบข้อมูลประกอบการตัดสินใจการปฏิบัติงาน ของ’นักรบเสื้อขาว’ แนวหน้า หรือ สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างไร
- การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ต้องเร่งรัด ตัดขั้นตอนอย่างไรให้บรรลุภารกิจ กำจัดและจัดการโรคอย่างไร ต้อง’บริหารงานให้บรรลุความมุ่งหมาย ไม่ใช่บริหารกฎเกณฑ์’ แบบภาวะปกติ
- มักใช้มาตรการบังคับประชาชน โดยขาดมาตรการรองรับเพื่อแก้ปัญหา เช่น สั่ง ‘ล๊อคดาวน์ แคมป์คนงาน’ ก็ต้องเพิ่มเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อ เพื่อแยกตัวออกจำกัดการแพร่เชื้อ และต้องดูแลเยียวยาผู้ประกอบการและคนงานทันที แต่ที่ผ่านมา ไม่มีมาตรการรองรับ แถมยังเปิดโอกาสให้ คนงานกลับบ้านในต่างจังหวัด กลายเป็นมาตรการแพร่กระจายโรคออกไป เป็นต้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางประการทำให้ปัญหาบานปลาย ณ วันนี้ การระบาดของโรค ออกไปกว้างขวางรวดเร็ว มาตรการการจัดการยังไม่ค่อยชัดเจนอย่างเป็นระบบ อย่างเป็นมาตรการกระท่อนกระแท่น ฟังไม่ชัดเจน เช่น
- การตรวจหาผู้ติดเชื้อ และแยกออก เนื่องจากมีจำนวนมาก การปลดเปลื้องให้ มีการตรวจด้วยตัวเอง (self ripid antigen test) รัฐควรแจ้งให้ชัดว่า ใช้อย่างไร ชนิดไหน ที่ถูกต้องอาจต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้อุปกรณ์ตรวจราคาต่ำสุด ประชาชนเข้าถึงง่าย เพราะการตรวจเป็นประโยชน์ต่อผู้ติดเชื้อ และสังคม
- เมื่อพบติดเชื้อแล้ว รัฐกำหนดมาตรการให้ชัดว่า ถ้ากักตัวอยู่บ้าน( Home isolation) หรือ แยกกักตัวในชุมชน(community isolation) ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร นี่พบว่าในชุมชน บางชุมชน จัดการจัดบริหารที่กักตัวในชุมชนเองใต้ทางด่วนดูดีมาก กลับมีเจ้าหน้าที่รัฐมาบอกว่าผิดกฎหมาย และถ้ากรณีผู้ติดเชื้อมีอาการต้องปฏิบัติตัวอย่างไร รัฐสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นที่ไหนอย่างไร สื่อสารอย่างทั่วถึง จัดระบบการดูแลให้อุ่นใจ ในกลุ่มนี้ ถ้ามียาฟ้าทะลายโจร หรื ยา Flavipiravir แก่รายที่จำเป็น ระบบการเข้าถึงหมอพยาบาล อย่างที่ทางสปสช.เสนอไว้ และปฏิบัติได้จริง เผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปรู้ ก็จะเริ่มผ่อนคลายกังวลได้บ้าง
- การเตรียมจัดหายา(ทั้งฟ้าทะลายโจร และยาต้านไวรัส ) วัคซีน ที่มีประสิทธิภาพ หลากหลายและเพียงพอ และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น ตลอดจนกลไกที่ให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างจริงจัง เป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
- ระดมกำลังคนและทรัพยากรลงมาร่วมแก้ปัญหาเต็มที่ แล้วจึงสนับสนุนความร่วมมือจากอาสาสมัครและภาคเอกชนอื่นๆ จัดระบบให้เป็นเอกภาพ ซึ่งระบบข้อมูลข่าวสาร เป็นเครื่องมือช่วยลดความสับสนในการปฏิบัติงาน
- การบริหารของรัฐ ‘อย่าหยุดเพียงได้สั่ง แต่ให้ติดตามผลถึงการปฏิบัติถึงประชาชน’
- ‘สื่อสารกับประชาชนด้วยความจริง’ การสื่อสารถึงประชาชนด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นจริง หรือจงใจให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ดังปรากฏอยู่เช่นเรื่องการจัดหาวัคซีน ย่อมทำลายความเชื่อมั่นให้รัฐบาลเอง ทำให้การขอความร่วมมือจากประชาชนจะไม่เป็นผล
หวังว่าความเห็นนี้ จะเป็นประโยชน์ กับรัฐบาล โดยเฉพาะผู้นำ ที่จะ
- ไม่ ’ล๊อคดาวน์’ ตนเองจากความรับผิดชอบ ปล่อยให้หน่วยงาน แต่ละส่วนทำงานไปเอง โดยขาดการนำที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ
- ไม่’ล๊อคดาวน์’ ตนเองจากความรับผิดชอบการเจ็บป่วยเดือดร้อนเสียหายของประชาชน
- ไม่’ล๊อคดาวน์’ ตนเองจากการรับฟังความคิดเห็น และเลือกตัดสินใจบนหลักวิชาการที่ถูกต้อง ทันการณ์
https://www.facebook.com/100006720972475/posts/3037780889789247/?d=n