เพื่อไทย ชี้รัฐปล่อยคนตกงานกว่า 7 แสนคนแต่เพิ่งออกมาตรการช่วยเอสเอ็มอีเมื่อสาย แนะลดค่าครองชีพช่วยประชาชน
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลอนุมัติให้มีโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เพื่อจ่ายเงินสนับสนุนบริษัทที่คงการจ้างงานระหว่างเดือน พ.ย.2564-ม.ค.2565 เป็นเวลา 3เดือน ว่ารัฐบาลนอนหลับเพิ่งตื่น จึงออกนโยบายผิดเวลาไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ที่ธุรกิจบางรายเริ่มกลับมาจ้างงาน ทั้งที่นโยบายคงการจ้างงานเป็นมาตรการสำคัญที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการตั้งแต่ช่วงโควิด-19ระบาดหนักและต้องมีการสั่งปิดกิจการเป็นเวลานาน จนหลายธุรกิจต้องเลิกจ้างพนักงาน ปิดกิจการไปนับไม่ถ้วน เพราะการบริหารที่ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล จนทำให้คนว่างงานจากการรายงานของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพิ่มขึ้นเป็น 7.3 แสนคน เป็นคนตกงาน 4.4แสนคน และเด็กจบใหม่ 2.9 แสนคน อีกทั้งตัวโครงการเองก็ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางให้ผู้ประกอบการทั่วไปทราบ ราวกับอยากทำเงียบๆ ไม่อยากให้มีบริษัทลงทะเบียนขอรับการสนับสนุน
นายชนินทร์กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลานี้ที่รัฐบาลรณรงค์เปิดประเทศเปิดเศรษฐกิจให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น แต่ประชาชนโดยทั่วไปยังมีรายได้ตกต่ำ และหลายคนยังคงตกงานอยู่ นโยบายหลักของรัฐบาลควรเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมให้ประชาชนที่พอมีกำลังซื้อนำเงินออกมาใช้ เช่น มาตรการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีรายได้ หรือมาตรการเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน เช่น การอุดหนุนภาษีเพื่อลดราคาสินค้า หรือการงดเว้นการเก็บค่าบริการบางอย่างเพื่อลดค่าครองชีพ ให้ประชาชนที่ยังลำบาก สามารถมีเงินเพียงพอจะซื้อสินค้า บริการ และจ่ายค่าเดินทางในชีวิตประจำวันได้ จะเหมาะสมกว่า
“รัฐบาลชุดนี้คิดช้า ทำช้า มาเมื่อสาย เหมือนคนหลับไม่รู้จักตื่น ไม่เคยคิดเผื่อ ไม่คิดล่วงหน้า มาตรการคงการจ้างงานออกมาช้าไม่ทันการณ์แบบนี้ ธุรกิจจึงล้มตายไปมาก หากดันทุรังบริหารต่อไป ผมว่าเป็นการบังคับให้ประชาชนต้องตกงานมากกว่า” นายชนินทร์กล่าว