‘ตรีชฎา’ โต้โฆษก ปชป.ฝากเจ้ากระทรวงจาก ปชป.ดูแลสินค้าเกษตร ย้ำชาวนาต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาเกษตรด่วน

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โจมตีโครงการรับจำนำข้าวว่า นายราเมศไม่ใช่ชาวนาจึงคิดเข้าข้างตัวเองว่าโครงการประกันรายได้ดีกว่าโครงการจำนำข้าว สิ่งที่ชาวนาต้องการคือรัฐบาลที่ทำให้สินค้าการเกษตรที่ดี พรรคประชาธิปัตย์ได้ทั้งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ราคาปุ๋ย ราคาน้ำมัน ยากำจัดวัชพืชราคาแพงเท่าตัว แต่ราคาข้าว 1 กิโลกรัม 5-6 บาทเทียบเท่าราคาไข่ไก่ 1 ฟอง หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ซอง เหยียบย่ำซ้ำเติมความทุกข์ยากของพี่น้องเกษตรกรชาวนา ขณะที่ยุคจำนำข้าวชาวนาขายข้าวได้กิโลกรัมละ 12-20 บาท ชาวนามีความต้องการโครงการจำนำข้าว เพราะเป็นการยกระดับชีวิตชาวนา เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรถมีบ้านมีเงินเก็บ ต่างจากยุคนี้ ขายบ้านขายรถขายทุกอย่างหนี้สินล้นพ้นตัว

นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า ส่วนคดีจำนำข้าวศาลปกครองกลางเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะประธาน กขช. ในขณะนั้น คนไทยทั้งประเทศทราบดีว่า คดีจำนำข้าวเป็นคดีการเมือง ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง เป็นการดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา เป็นนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณสูงแต่ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ไม่ได้กระทำการจงใจ หรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต หรือเพิกเฉย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จนเป็นเหตุให้ราชการเสียหาย จึงให้เพิกถอนการบังคับคดี ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ที่สำคัญนางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายมาโดยตลอด ไม่เคยหนีคดี แต่หนีความอยุติธรรม จึงอยากให้นายราเมศ หยุดวาทะกรรมเดิมๆ ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็นพรรคต่ำสิบ

“อย่ามัวแต่ประดิษฐ์วาทะกรรม ขนาดอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ ข้อ 4 ที่เขียนไว้นานถึง 75 ปี ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังยิ้มไปร่วมจับมือเป็นรัฐบาล จนลืมคำมั่นสัญญาตอนปราศรัยหาเสียงที่ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กลับยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีทุกคน วันนี้พวกท่านกลืนน้ำลายตัวเองยิ้มมีความสุขบนตำแหน่งรัฐมนตรี จนไม่มีอะไรหลงเหลือให้ประชาชนมีความเชื่อถือและศรัทธาได้อีก” นางสาวตรีชฎา กล่าว