หยุดการคุกคามและหยุดละเมิดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน หยุดการดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิ เสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ

ตามที่รัฐบาลปัจจุบันตั้งข้อหาดำเนินคดีต่อกลุ่มประชาชน / NGO / คณาจารย์และนักศึกษาที่ออกมาแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อสังคมตามสิทธิ เสรีภาพที่พวกเขามีตามรัฐธรรมนูญนั้น
ผมมีความเห็นว่า รัฐบาลกำลังละเมิดและคุกคามสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ซึ่งถือเป็นการกระทำของรัฐบาล ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
การใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชนในปัจจุบันโดยเฉพาะการแสดงออกของกลุ่มประชาชนทั้งสองกลุ่มอันได้แก่ “กลุ่ม We walk ที่แสดงความเห็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต” และ. “กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยที่แสดงความเห็นหน้าสยามพารากอน”
ทั้งสองกลุ่มต่างฝ่ายต่างแสดงออกด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างเปิดเผย
และได้แสดงความคิดเห็นของตนต่อสาธารณะ เสนอความคิดเห็นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิ เสรีภาพ และมีความเข้าใจต่อระบบสวัสดิการสังคมที่รัฐควรรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารของประเทศ สิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน
ทุกประเด็นเป็นการกล่าวถึงหลักประกันในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ซึ่งไม่ได้กระทบกระเทือนสิทธิส่วนบุคคลของใคร แต่เป็นการแสดงออกตามสิทธิพลเมืองที่เปิดเผยตรงไปตรงมา
.
การกล่าวถึงความต้องการให้ประเทศกลับคืนสู่วิถีแห่งประชาธิปไตย อยากเห็นการเลือกตั้งที่โปร่งใส ยุติธรรมเกิดขึ้นเร็วที่สุด รวมทั้งเสนอให้รัฐคลี่คลายความคลางแคลงใจของประชาชน ต่อกรณีความผิดปกติในการครอบครองทรัพย์สิน…”กรณีแหวนเพชรแม่ นาฬิกาเพื่อน” ซึ่งมีการอ้างว่ายืมมาใส่จำนวนเท่าที่ปรากฏมากถึง 25 เรือนมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งข้อเสนอแนะของกลุ่มประชาชนทั้งสองกลุ่ม น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการที่รัฐบาลจะได้ชี้แจงเรื่องความโปร่งใสของประเทศ และเป็นการตอบข้อสงสัยที่ประชาชนมีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลอย่างกระจ่างแจ้ง
ทั้งหมดเป็นการช่วยให้รัฐบาลได้เคลียร์ตนเองให้กระจ่างชัดด้วยซ้ำไป
หากรัฐบาลยอมรับและดำเนินการอย่างเปิดเผย จะเป็นความสง่างาม มากกว่าการใช้อำนาจข่มขู่คุกคามความเห็นอันบริสุทธิ์ใจของประชาชน
การดำเนินการดังกล่าว ยิ่งกลับทำให้สถานการณ์ของรัฐกลายเป็นการปกปิดและกลบเกลื่อนร่องรอยที่ไม่โปร่งใสให้ขยายกว้างขึ้น
.
ผมพิจารณาข้อคิดเห็นของกลุ่มประชาชน / NGO / คณาจารย์และนักศึกษาทั้งสองกลุ่มอย่างละเอียดแล้วก็ยังไม่เห็นจะเข้าข่ายที่ท่านจะตั้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง และเป็นการกระทำด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร” แต่อย่างใด
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประชาชนไทยทุกคนอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่างเสมอภาค ทุกคนนอกจากจะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอีกด้วย โดยเฉพาะมาตรา 34 ซึ่งบัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้…”
.
ดังนั้นการที่รัฐบาลหรือรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง (พลเอกประวิตร ) ระบุว่า “จะเตรียมเเผนรับมือม็อบเอง เพราะตอนนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ จะเอาอะไร…” นั้น ผมเห็นว่าเป็นการแสดงความเห็นที่คลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้อง
.
เพราะแท้ที่จริงแล้ว ท่านทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่บริหารประเทศอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นผู้บริหารประเทศ ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน คำว่า“รัฏฐาธิปัตย์ หรืออำนาจเบ็ดเสร็จ” อยากทำอะไรก็ได้ของท่าน สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ปัจจุบัน คสช. จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเคารพสิทธิ เสรีภาพของประชาชน และเมื่อใดก็ตามที่ท่านละเมิดสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น สิ่งที่ท่านทำก็อาจกล่าวได้ว่า ขัดกับรัฐธรรมนูญเสียเอง
.
ผมยังยืนยันความเชื่อที่ว่า ในระบอบประชาธิปไตยนั้น เรามองว่าความเห็นต่าง เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เป็นสิ่งที่ต้องรับฟังว่าผู้อื่นมีความเห็นอย่างไร เพื่อนำไปพัฒนาความคิดของตนให้รอบด้านยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่ออยู่เสมอว่า ไม่มีใครที่รอบรู้ไปทุกเรื่อง ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย ซึ่งเราต้องรับฟังและนำไปไตร่ตรอง
.
สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา ถ้าท่านมองให้เป็นประโยชน์ ท่านจะได้รู้ว่าประชาชนคิดอย่างไรกับการบริหารประเทศของท่าน คิดอย่างไรกับ “คำสัญญา” ของท่าน ท่านควรจะนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงเพื่อทำให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ไม่ใช่ใครเห็นต่างก็สั่งระงับ ใครคิดต่างก็ปิดกั้น อย่างนี้ไม่ใช่คุณสมบัติของผู้นำที่ดี
.
สังคมไทยมีลักษณะอย่างหนึ่งที่ผมเคยพูดไปแล้วว่า “ยิ่งกดแรง ยิ่งมีความรุนแรงในการต้านกลับ”สภาพเช่นนี้หากเกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อใครเลยไม่ว่ากลุ่มคณะของท่านหรือประเทศชาติ
.
ผมยังเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่า “การใช้สิทธิเสรีภาพโดยสงบ ปราศจากความรุนแรง ตามกรอบของรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สามารถทำได้ และผมไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลเพื่อเอาผิดกับกลุ่มประชาชนที่เรียกร้องตามกรอบของกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการคุกคามสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ซึ่งอาจถือเป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญเสียเอง และต้องอย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์เหนือกว่าคำสั่งใดๆ ถ้าคำสั่งใดถูกใช้ในลักษณะที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั่นเอง”
.
ภูมิธรรม เวชยชัย
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
1 กุมภาพันธ์ 2561

ที่มา : https://www.facebook.com/phumthamw