(7 ต.ค. 62) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์จากกรณีที่ผู้พิพากษายิงตัวเอง ว่า ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย ควรจะเป็นบทเรียนให้สังคมทุกภาคส่วนได้มีทางออกร่วมกัน ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง ทางออกของเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเชื่อถือ ไม่ใช่ปล่อยให้นักรบไซเบอร์ออกมาให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งภายหลังการรัฐประหารมีปัจจัยแวดล้อม 3 ประการ  ที่ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจรัฐบาล คือ 1. ผู้มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด เช่น ยืมนาฬิกาเพื่อน , การถวายสัตย์ฯ , การเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ 2. การย้ายค่ายไปซบค่ายเผด็จการ มีการจัดโปรย้ายค่าย โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี และ 3. ประชาชนมีความเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง เพราะหลังจากการเลือกตั้งแล้ว กองทัพก็ยังมีบทบาทเข้ามาแทรกแซงทางการเมือง จากการที่ กอ.รมน. แจ้งดำเนินคดี มาตรา 116 กับ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งๆที่การแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ 

“รัฐบาลต้องกอบกู้ศรัทธาให้ประชาชนเชื่อมั่นขึ้นมา และกองทัพต้องถอยห่างจากการเมือง ถ้าเกิดวิกฤตศรัทธาแบบนี้ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อประเทศแน่นอน เพราะจะกระทบการลงทุนด้านเศรษฐกิจ และขีดความสามารถที่จะแข่งขันกับเวทีโลก การจะสร้างความเชื่อมั่น ไม่ควรจะผลักภาระให้กับศาล ข้าราชการตุลาการ หรือกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ควรจะผลักดันไปที่ฝ่ายบริหาร ไม่ให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงหวังประโยชน์ทางการเมือง หรือเข้าไปยุ่งในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ขอให้รัฐบาลพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว