“อนุสรณ์” ตอก “ธนกร” เอาเวลาไปช่วย “ประยุทธ์” คิดหาเงินไว้จ่ายค่าปรับเหมืองทองอัคราดีกว่า
(8 ธ.ค. 62) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มโนไปเองกรณีออกมาพูดเรื่องการแจกกล้วย ส.ส.งูเห่าเพื่อเพิ่มเสียงไม่ให้สภาล่ม ตามที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐออกมากล่าวหา เพราะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปในแวดวงการเมืองและสื่อมวลชนถึงพฤติกรรมการเมืองน้ำเน่าย้อนยุคของฝ่ายรัฐบาลในครั้งนี้ โดยเฉพาะการพยายามโทรล็อบบี้ ส.ส. ฝ่ายค้านของแกนนำรัฐบาลบางคนกลางงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลก่อนวันลงมติคว่ำญัตติการตั้ง กมธ. วิสามัญศึกษา มาตรา 44 เพื่อโชว์พาวเวอร์แข่งกันเองในพรรคร่วมรัฐบาล ก็อย่านึกว่าคนภายนอกจะไม่รู้ เพราะฝ่ายค้านเองก็มีสายข่าวอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน
โดย นายอนุสรณ์ ถามว่า จริงหรือไม่ ที่การกินเมนูหูฉลามในคืนนั้น ทำให้มีควันไฟฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอาหาร จนทำให้มีเสียงคล้ายสัญญาณตรวจจับควันดังขึ้น เพราะถ้าเป็นเรื่องจริง ก็อาจถือเป็นลางร้ายของรัฐบาลได้ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง การให้ ครม. ทั้งคณะเปิบเมนูหูฉลาม ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เนื่องจากผู้นำรัฐบาลควรทำตัวเป็นแบบอย่าง แต่โต๊ะอาหารที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร นั่งหัวโต๊ะ กลับมีเมนูหูฉลามได้อย่างไร
ซึ่ง นายอนุสรณ์ กล่าวต่ออีกว่า เหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมไม่ได้ที่จะให้ตั้ง กมธ. วิสามัญศึกษามาตรา 44 จนถึงขนาดยอมใช้บริการ ส.ส.งูเห่าก่อนเวลาอันควร เป็นเพราะกลัวการถูกเรียกไปชี้แจงหรือตอบคำถามกับคณะ กมธ. สภาฯ เพราะตอนมีมาตรา 44 ในมือได้กระทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนไว้มากมาย เช่น การสั่งยึดที่ดินตัดไม้สวนป่าของชาวบ้านที่ไม่ใช่ฝ่ายตัวเอง การสั่งปลดข้าราชการโดยไม่มีการสอบสวน ฯลฯ
“เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ กลัวที่สุดคือการใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัคราฯ จนเป็นที่มาของการฟ้องร้องระหว่างเหมืองทองกับรัฐบาล และอาจเป็นที่มาของการเสียค่าโง่กว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้ นอกจากพูดปลอบใจ ครม. ว่าจะรับผิดชอบแต่เพียงคนเดียว แต่ก็ไม่เคยพูดว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ดังนั้น นายธนกร ควรเอาเวลาไปช่วยคิดเรื่องการจ่ายค่าโง่เหมืองทองจะดีกว่า หากรัฐบาลแพ้”
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวฝากไว้ในตอนท้ายด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ อย่าหวังว่าการใช้บริการงูเห่าจะต่อลมหายใจรัฐบาลจนอยู่ครบเทอมได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่หมดศรัทธาต่อรัฐบาลไปนานแล้ว โดยเฉพาะการไม่รักษาคำพูดตามที่ได้หาเสียงเอาไว้ อย่างการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท ที่ปรับได้แค่ 5-6 บาท อาจถือเป็นโมฆะบุรุษที่เชื่อถือไม่ได้ ต่อให้มีงูเห่าอีก 100 ตัว ก็คงช่วยอะไรไม่ได้