อีกแล้วค่าโง่ไทยแลนด์ “จิรายุ” เตือนรัฐบาลหากทำพลาด กรณีจ้างทนายสู้อนุญาโตตุลาการ อาจลุกลามธุรกิจอื่นๆ และการเมืองระหว่างประเทศในยามที่ไทยต้องการมิตรทางเศรษฐกิจ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 ในฐานะรองประธานอนุฯ คนที่ 1 เพื่อพิจารณางบประมาณ อบรมสัมมนา ที่ปรึกษาฯของส่วนงานราชการ กล่าวว่าจากการอภิปรายงบประมาณของ กระทรวง วันนี้ตนขอเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีติดตามตรวจสอบกรณีที่กระทรวงพลังงานถูก บริษัทน้ำมัน ต่างชาติยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 บริษัท ทั้งจาก อเมริกา และ ฝรั่งเศสฟ้องรัฐบาลไทยต่อคณะอนุญาโตตุลาการ อันถือเป็นความบกพร่องผิดพลาดที่อาจทำให้ประเทศชาติเสียหาย

โดยที่ผ่านมามีการตั้งงบประมาณอันมาจากภาษีประชาชน เพื่อจ้างทนายต่างชาติ ไปสู้คดี ที่เขาฟ้อง เข้ามาในงบประมาณปี 65 นี้ ซึ่งตนอภิปรายในสภาเมื่อวานนี้ เพราะเห็นว่าไม่สมควร ที่ประเทศจะเสียค่าโง่แบบตื้นๆอีกแล้ว เพราะค่าต่อสู้คดียังมีตัวเลขที่ไม่แน่นอนเพราะคดีแบบนี้หากตั้งปีละประมาณ 200 ล้านบาทหากยืดเยื้อไปกว่า 5 ปีและเป็นค่าจ้างแบบขั้นบันไดปีละ 200,300,500 ล้าน ตนเชื่อว่าจะมีมากกว่า 1,000 ล้านบาทยังไม่นับรวมหากแพ้คดีซึ่งมีวงเงินมูลค่าสูงมากกว่า 1 แสนล้านบาท  

ทั้งนี้การต้องใช้ภาษี ของประชาชนแบบไม่สมควรครั้งนี้ มา จาก 3 รมต.คือนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ และนาย สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ เพราะกฎหมายที่รัฐบาลไทยไปทำสัญญาตอน ปี 2515 ระบุชัดว่าหมดสัญญาผู้ลงทุนก็ต้องส่งมอบทรัพย์บนแผ่นดินให้ แต่พอปี 2559  สนช.ยุค คสช.ไปแก้กฎหมายว่า บริษัทผู้ลงทุนนั้นต้องรื้อเองและจ่ายค่ารื้อให้รัฐบาลซึ่งกฎหมายไม่สามารถบังคับย้อนหลังได้ และโครงการมีมูลค่าการรื้อที่แหล่งเอราวัณกว่า 200 แท่น เป็นเงินกว่า75,000 ล้านบาท และแหล่งบงกชกว่า 100 แท่น  กว่า30,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดรวม มากกว่า 1 แสนล้านบาทซึ่งมีแท่นที่ใช้งานได้มากกว่า 80 เปอร์เซนต์ ที่จะส่งมอบให้ผู้รับสัมปทานรายต่อไป ได้  ซึ่งเป็นความบกพร่อง ของรัฐบาล ที่รัฐบาลไม่เคยขอแก้ไขสัญญาสัมปทานเดิม และ การเจรจา เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงที่บังคับใช้ภายหลัง

“แทนที่ประเทศ จะได้ทรัพย์สิน แท่นขุดเจาะในทะเลมาฟรีๆ เพื่อนำไปให้ ผู้รับสัมปทานรายต่อไป เป็นต้นทุนที่คืนประเทศได้  ก็เป็นปัญหาจนได้เผลอๆ นอกจากไม่ได้เงินแล้ว ยังอาจเสียค่าโง่จ้างทนายสู้อีกด้วย ซึ่งผมทราบว่าทนายที่จ้าง ก็เป็นคู่ปรับเก่า ของ บริษัทเชฟร่อนของอเมริกา และ โททาล ของฝรั่งเศส อีกด้วยซึ่ง เรื่องนี้ 2 ยักษ์น้ำมัน มีส่วนใกล้ชิดกับรัฐบาลของเขาในฐานะธุรกิจหลักของประเทศเขา  หากรัฐบาลไทยเดินเกมส์ ผิดนอกจากจะเป็นปัญหารายจ่ายที่ไม่ควรจ่ายแล้ว ยังอาจมีปัญหากลับกลุ่มธุรกิจ และการเมืองในการสนับสนุนด้านต่างๆของทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย เรื่องนี้ สุ่มเสี่ยงมาก ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ต้องกำกับอย่างใกล้ชิด” นายจิรายุ กล่าว