“เพื่อไทย” ห่วง “ประยุทธ์” เป็นโรคลักปิดลักเปิด จะทำไทยยิ่งเละ ชี้ ปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แก้ได้ด้วยท่องเที่ยว แนะ ตั้งกรอบคิดฟื้นท่องเที่ยวให้ดี เศรษฐกิจไทยฟื้นได้
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ ประธานอนุกรรมการนโยบายท่องเที่ยว รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้สั่งล็อกดาวน์มานานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส และผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีแพทย์หลายคนได้วิเคราะห์ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงน่าจะสูงว่าที่ ศบค. แถลงมาก โดยให้ดูจากตัวเลขการเสียชีวิตในแต่ละวันที่ยังคงสูงอยู่ที่ประมาณ 200- 300 คน การล็อกดาวน์ยังไม่มีทิศทางที่จะปลดล็อกได้ในเร็ววันนี้ และได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัวเพราะขาดทุนมาก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว และ ธุรกิจร้านอาหาร ที่กำลังจะตายกันหมดแล้ว
หากจำกันได้พลเอกประยุทธ์ เคยลังเลในการที่จะล็อกดาวน์โดยพูดเองว่า “ถ้าเจ็บแล้วไม่จบจะทำอย่างไร ?” แต่ในที่สุดพลเอกประยุทธ์ ก็ตัดสินใจล็อกดาวน์ แล้วก็เจ็บกันระนาวแต่ก็ไม่จบจริงๆ พอเจ็บกันมากๆก็มีกระแสกดดันให้ปลดล็อกดาวน์โดยเริ่มมีแนวคิดว่าจะปลดล็อกดาวน์กัน ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจึงอยากเสนอให้พลเอกประยุทธ์ ได้คิดให้รอบคอบและมีแผนงานที่ดีไม่ใช่เป็นโรคลักปิดลักเปิด คือคิดจะปิดก็ปิดเลย หรือ คิดจะเปิดก็เปิดเลย โดยไม่ได้มีการศึกษาและเตรียมการให้ดีเพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลได้ ยกตัวอย่างประเทศที่ยังล็อกดาวน์อยู่เช่น ประเทศออสเตรเลีย กำหนดจะปลดล็อกเมื่อสามารถฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับประชาชนได้แล้วถึง 70-80% ของประชากรทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งถ้าไทยจะรอฉีดถึงขนาดนั้น ปลายปีก็อาจจะไม่ได้เปิด ทั้งนี้เพราะพลเอกประยุทธ์ บริหารเรื่องวัคซีนผิดพลาด วัคซีนยังขาดแคลนมาก อีกทั้ง ยังคงสั่ง ซีโนแวคอีก 12 ล้านโดส ทั้งที่ทราบกันดีทั่วโลกว่าวัคซีนมีคุณภาพต่ำไม่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังแพร่ระบาดในไทยได้ แต่หากจะล็อกดาวน์ไปจนเลยสิ้นปี เศรษฐกิจไทยก็คงจะเสียหายและย่ำแย่แน่ โดยถ้าต้องล็อกดาวน์นาน ปีนี้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบอย่างแน่นอน แต่ถ้าปลดล็อกแล้วเกิดการระบาดเพิ่มขึ้นอีกมากเพราะขาดแคลนวัคซีนก็อาจจะต้องกลับไปล็อกดาวน์ใหม่ ซึ่งจะสร้างความเสียหายอีก ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ จะต้องชั่งใจให้ดี และห่วงว่า ไม่ควรจะให้เปิดๆปิดๆ เป็นโรคลักปิดลักเปิดเพราะจะยิ่งเสียหายหนักกว่า ปัญหาทั้งหมดนี้มาจากการจัดการวัคซีนและการควบคุมการระบาดที่ล้มเหลวของรัฐบาล นั่นเอง
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ ประเทศไทยกำลังจะประสบกับปัญหาการขาดดุลแฝด (Twin Deficit) คือ การขาดดุลสองด้านพร้อมกัน นั่นคือ การขาดดุลทางการคลัง ที่รัฐบาลมีรายจ่ายมากกว่ารายได้มาก อีกทั้งการจัดเก็บภาษีจะพลาดเป้ามาก และ การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เพราะจะขาดดุลทางด้านบริการในระดับสูง เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไปเกือบหมด ซึ่งสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังจะย่ำแย่ลงไปอีก การส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นจริงแต่การนำเข้าของไทยกลับขยายตัวในสัดส่วนที่มากกว่า ยกตัวอย่างล่าสุด ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การส่งออกของไทยขยายตัว 20.27 % แต่การนำเข้าขยายตัวถึง 45.84% ซึ่งสูงกว่ามาก เป็นต้น ผลคือ ค่าเงินบาทที่อ่อนลง และ อาจจะเกิดเงินเฟ้อตามมา การที่ บริษัทจัดอันดับ มูดี้ส์ ยังคงเรตติ้งไทยเหมือนเดิม ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจไทยดี แต่เป็นเพราะบุญเก่าที่ไทยสะสมมาหลายรัฐบาลที่ไทยมีเงินทุนสำรองต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 243,000 ล้านเหรียญ และหนี้สาธารณะไทยยังอยู่ต่ำกว่า 60% แต่ถ้ากู้เพิ่ม จาก พรบ. เงินกู้ จากงบประมาณขาดดุล และ การจัดเก็บภาษีได้ลดลง หนี้สาธารณะก็จะพุ่งสูงขึ้น สถานะทางเศรษฐกิจของไทยอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้บิดเบือนว่าเศรษฐกิจไทยยังดี เพราะคนทั้งประเทศทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยตอนนี้ย่ำแย่แค่ไหน
อย่างไรก็ตามการที่จะแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้ ไทยก็จะต้องเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลจะต้องมีแผนงานที่ชัดเจนว่าจะเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างไร การกระจายฉีดวัคซีนคุณภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ท่องเที่ยวให้ได้มากกว่าสูงกว่า 70% จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วน แต่พลเอกประยุทธ์ อาจจะคิดไม่ได้เพราะในจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญกลับมีประชากรได้รับวัคซีนเพียง 28.19% เท่านั้น ในขณะที่จังหวัดบุรีรัมย์กลับได้รับการฉีดวัคซีนกว่า 40% ของประชากร เป็นต้น ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็เป็นไปอย่างกะท่อนกะแท่น พอมาเจอคดีฆาตกรรมแหม่มชาวสวิสเลยยิ่งเสียชื่อหนัก ทั้งที่ควรต้องทำเป็นโมเดลเพื่อให้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นนำไปเป็นตัวอย่างเพื่อขยายพื้นที่ท่องเที่ยวต่อไป เป็นต้น
นอกจากนี้การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มปรึกษาและร่วมมือกันสมาคมธนาคารเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้ประกอบการ โดยอาจจะพิจารณา ตัดหนี้ ตัดดอกเบี้ย หรือยืดการชำระเงินต้น เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและขอชื่นชม ซึ่งเป็นแนวทางที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เสนอมาโดยตลอด โดยอยากให้เริ่มต้นจากธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ตามที่ ธปท. บอกเอง เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อได้หลังจากวิกฤตไวรัสโควิด ต้องคิดว่าผู้ประกอบการเป็นผู้ประสบเคราะห์กรรมจากวิกฤติการณ์นี้ คงไม่มีใครตั้งใจให้เกิด และจะหาทางช่วยเหลือได้อย่างไร และเรื่องนี้จะเป็นนโยบายและแนวทางหลักของพรรคเพื่อไทยหากได้เข้าไปบริหารประเทศ
การจะนำประเทศฝ่าฟันวิกฤติการณ์ไวรัสโควิดไปได้ ผู้นำจะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องในทุกด้าน และจะต้องรู้จริง มีหลักคิด และมีประสบการณ์ จะอยู่แต่ในบ้านคอยรับรายงานคงไม่น่าจะได้ การลงพื้นที่จริง และ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ได้มุมมองในทุกด้าน ซึ่งหากผู้นำไม่พร้อมก็ควรจะถอยออกไปเพราะสถานการณ์จะแย่ลงกว่านี้อีกมาก ยิ่งผู้นำไม่พร้อมปัญหาของประเทศจะยิ่งมากขึ้นและจะยากที่จะแก้ไขได้