เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรียกร้อง นายกรัฐมนตรี แสดงความจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ เลิกซื้อเวลา เตะถ่วงความต้องการประชาชน

7 สิงหาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมเดินหน้าเต็มที่เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับลายพรางเพื่อสืบทอดอำนาจ จนบ้านเมืองมีปัญหา เศรษฐกิจตกต่ำ คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทำให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขอยู่ในขณะนี้

นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. และพวกพ้องอยู่เบื้องหลังการสร้างรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับนี้ขึ้นมาเอง พร้อมกับผูกเงื่อนตายให้แก้ไขได้ยากมาก ยกเว้นจะได้รับไฟเขียวจากนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ดังนั้นหากมีความจริงใจก็สามารถแก้ไขได้ทันที ไม่จำเป็นต้องออกตัวโยนให้เป็นเรื่องของรัฐสภา เพราะการแก้ไขต้องใช้เสียงสนับสนุนจากทั้ง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล และ 250 ส.ว. ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นมาเองกับมือทั้งสิ้น ส่วนการเดินสายรับฟังความเห็นย่อมกระทำได้ แต่คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเรียกร้องจากประชาชนทั้งประเทศได้อย่างแน่นอน

หากนายกรัฐมนตรีจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากคนรุ่นใหม่ก็ย่อมกระทำได้ แต่ก็น่าแปลกใจที่ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 ปี ยังไม่รู้อีกหรือว่านักศึกษาและประชาชนต้องการอะไร โดยเฉพาะเสียงของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ออกมาจัดกิจกรรมแฟลชม็อบเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญและยุบสภา ซึ่งเชื่อว่าคนทั่วประเทศได้ยินชัดเจน นายกรัฐมนตรีก็ต้องได้ยินเช่นกัน ดังนั้นอย่าเสียเวลาจัดเวทีเดินสายรับฟังเพื่อซื้อเวลาแบบนี้เลย ประชาชนทั้งประเทศเฝ้ารอคอยความชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา และทราบดีว่า รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล และ 250 ส.ว. ถือเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นการเตะถ่วงหรือขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะยิ่งกลายเป็นประเด็นเร่งเร้าให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากขึ้น ทำให้การชุมนุมขยายตัวและแพร่หลายไปทั้งประเทศ เพราะประชาชนคงรับไม่ได้ ที่รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ดังนั้นจึงอยากให้นายกรัฐมนตรีรีบสั่งการทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด

“หากนายกรัฐมนตรียอมแก้รัฐธรรมนูญตามเสียงเรียกร้องแล้วยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ด้วยกติกาที่เป็นประชาธิปไตย ก็จะยังสามารถกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก เชื่อว่า 6 ปีที่ผ่านมา หากท่านบริหารประเทศได้อย่างโปร่งใสมีประสิทธิภาพ ประชาชนกินดีอยู่ดีมีความสุข พี่น้องประชาชนย่อมเลือกให้กลับมาบริหารประเทศ ซึ่งจะสง่างามและไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ได้อีก ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีมีอำนาจรัฐสนับสนุน ถือว่าได้เปรียบทุกอย่าง จึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงแต่ต้องกล้าสู้เลือกตั้งในกติกาสากล ไม่ใช่กติกาสืบทอดอำนาจที่ออกแบบมาเพื่อพวกท่านเท่านั้น”