“คุณหญิงสุดารัตน์” ลงพื้นที่ภูเก็ต เสนอโมเดลกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ระยะ ดึงรายได้จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
25 กรกฎาคม 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย , นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น , นายสนธยา หลาวหล้าง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 และนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมรับฟังความเห็นสภาเอสเอ็มอี จังหวัดภูเก็ต หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนสถานการณ์เศรษฐกิจในพื้นที่ซบเซา
โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เสนอนโยบายภูเก็ตโมเดลที่กำลังจัดทำอยู่ในชั้นกรรมาธิการการท่องเที่ยวเพื่อให้สภาเอสเอ็มอีช่วยกันเสนอความเห็นว่าประเทศไทยเสียหายทางเศรษฐกิจมากเพื่อแลกกับการได้แชมป์ควบคุมโรคโควิด-19 จึงต้องเอามาเป็นต้นทุนในการฟื้นฟูเมือง โดยอันดับแรกรัฐบาลต้องประกาศความมั่นใจว่าเป็นประเทศปลอดภัย ยุติ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นใจ จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ให้พร้อม จัดหา PCR Test ตามด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 ระยะ โดยแต่ละระยะจะมีการเตรียมตัวเองและโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อม ได้แก่ 1. ไทยเที่ยวไทย โดยออกคูปองส่วนลดคนมาเที่ยวภูเก็ต ทั้ง เครื่องบิน โรงแรม และค่าใช้จ่าย 2. Staycation ให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามากักตัวที่ภูเก็ต 14 วันและพักผ่อนในโรงแรม โดยคนเหล่านี้ต้องมีใบตรวจโรค และมีการตรวจ PCR ที่สนามบินและระหว่างกักตัว โดยโรงแรมจะต้องทำข้อตกลงจากคนนอกโรงแรมว่าต้องซื้อและใช้จ่ายจากข้างนอกด้วยเพื่อให้กระจายรายได้ ในส่วนของพนักงานก็กักตัวที่โรงแรมด้วย 3. เทศเที่ยวไทยปลอดภัย โดยนักท่องเที่ยวที่ผ่านการตรวจโรคแล้วเข้าจังหวัด แต่เข้มข้นกับมาตรการคัดกรอง ทุกจุดเข้าออกจังหวัด เป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและให้ทันการเปิดประเทศของประเทศอื่นๆ โดยจำกัดปริมาณคนที่จะเข้าให้สามารถควบคุมโรคได้และอยู่แค่ในจังหวัดเท่านั้น และหากเกิดการระบาดตรงไหนก็ปิดตรงจุดนั้นแล้วจ่ายเงินชดเชยให้กักตัว และ 4. ทำหลุมหลบภัยจากคนที่กลัวโควิด-19 ทั่วโลก และมาทำงาน Work From Home ที่ภูเก็ต โดยจ่ายเงินค่าอยู่อาศัยเป็นแพ็คเก็จที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าจะสร้างประโยชน์ได้ในระยะยาวและถ้าการทดลองตรงนี้ผ่านจึงจะเริ่มเปิดทั้งประเทศได้
ด้าน นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต สะท้อนปัญหาว่า จังหวัดภูเก็ตมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจแค่ตัวเดียวคือการท่องเที่ยว ซึ่งสร้างรายได้ 30,000 ล้านบาทต่อเดือน 400,000 ล้านบาทต่อปี จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และคนไทย 4 ล้านคนต่อปี เฉลี่ยรายได้ต่อหัว 40,000 บาทต่อเดือน ซึ่งในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ยอดนักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ โรงแรมกว่า 2,000 แห่งเดือดร้อน ทั้งนี้ทางจังหวัดมองว่าขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากลดลง รัฐควรเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดการท่องเที่ยวเพื่อแข่งขันกับแหล่งท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ เช่น บาหลี ด้วยการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเสนอให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้ทางจังหวัดบริหารจัดการตัวเอง
ทั้งนี้ การดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงโควิด-19 คือทำให้ภูเก็ตเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ เพราะมีโรงแรมจำนวนมาก แต่สามารถควบคุมการเดินทางได้ โรงพยาบาลนานาชาติก็มีครบ ซึ่งก็จะได้นักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มีการท่องเที่ยวต่อหลังกักตัวครบตามกำหนด อย่างไรก็ตามแม้นักท่องเที่ยวอาจน้อยลงแต่จะมีคุณภาพมากขึ้นและอยู่ยาวมากขึ้นก็จะชดเชยรายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวเดิมได้ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจด้านอื่น นอกจากนี้ยังเสนอให้รัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบ ผ่านการกู้หนี้ของธุรกิจในภูเก็ต แล้วอีก 2 ปีค่อยวางแผนการใช้เงินคืนและเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน เพราะที่ผ่านมามีนโยบายแต่กลับไม่ปล่อยเงินจากธนาคาร ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากกู้ไม่ผ่าน