“การเมืองแย่ การศึกษาก็แย่ เศรษฐกิจก็ยังแย่อีก”

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครรทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าช่วงเช้าของวันนี้ ผมได้เห็นกลุ่ม นักเรียนเลว ได้ออกแคมเปญ #ไม่เรียนออนไลน์แล้วอิสัส

มีการรณรงค์ใน Social ทุกแพลตฟอร์ม ผมได้ตามอ่านความคิดเห็นของเด็กๆ ตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อครับว่า ระบบการศึกษาไทยจะทำลายจิตใจลูกหลานได้ถึงเพียงนี้ ผมขอข้ามประเด็นเรื่องเรียนออนไลน์แล้วเกิดความเหลื่อมล้ำไป เพราะเชื่อว่าหลายคนคงได้ยินเรื่องนี้มาแล้วมากมาย เด็กบางคนต้อง กางร่มเรียนกลางแดดเพื่อตามหาสัญญาณอินเตอร์เน็ต บางคนต้องยืมมือถือผู้ปกครองเพื่อเรียนออนไลน์ ฯลฯ

แต่เสียงสะท้อนของเด็กๆ ที่ออกมา call out ผ่านช่องทางโซเชียลวันนี้ คือยิ่งเรียนยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เด็กบางคนเปิดไมค์ไม่ทันเมื่ออาจารย์เช็คชื่อ เด็กบางคนต้องส่งคลิปรำไทยนาฏศิลป์แต่อายจนไม่กล้าส่ง เด็กๆบอกว่ากำลังหลอนเพราะภาระงานจำนวนมาก กลัวว่าจะส่งงานและเข้าสอบไม่ทัน สภาพแวดล้อมของบ้านไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนออนไลน์ ผู้ปกครองต้องกลายเป็นครู งานการแทบไม่ต้องทำเลยครับ ต้องกลับมาสอนลูก เด็กๆ และผู้ปกครองเครียด สภาวะจิตใจแย่ เพราะต้องต่อสู้ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือนและยังต้องแบ่งเวลามาสำหรับการตามงานลูก

เด็กๆ บอกว่าเรียนออนไลน์แทบไม่ได้ความรู้ เพราะบางรายวิชา ให้เรียนกับคลิปวิดีโอ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับครูผู้สอน ผมไม่ได้โทษคุณครูแต่ผมเข้าใจดีว่า นโยบายของรัฐ ไม่ได้เอื้ออำนวยให้กับการสอนออนไลน์เช่นกัน

เรื่องหดหู่ใจอีกเรื่อง คือ นักเรียนยากจนบางคนต้องเอาสิ่งของที่บริจาคไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อโทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ดราคา 79 บาท ตามมาตรการของรัฐที่ออกมาหวังเพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เรื่องแค่นี้ให้ฟรีไม่ได้เหรอครับ! (โคตรอยากร้องไห้เลย)

เด็กเตรียมอนุบาล ไม่มี social skill เพราะยังไม่เคยเข้าเรียนกับเพื่อนๆ ไม่เคยเข้าแถว ไม่เคยเคารพธงชาติ ที่สำคัญต้องเรียนทุกอย่างผ่านหนังสือและหน้าจอโทรศัพท์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกำลังกลายเป็นภาระของนักเรียน และภาระทางเศรษฐกิจในครัวเรือนรวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นของผู้ปกครอง แม้รัฐบาลจะออกมาตรการลดภาระผู้ปกครองโดยการจัดสรรงบประมาณ ให้นักเรียนรายละ 2,000 บาท แต่การแจกเงินไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาการเรียนออนไลน์

“สิ่งที่เด็กๆ เรียกร้อง พวกเขาบอกว่ารัฐบาลไม่เคยฟัง คือให้รัฐจัดสรรวัคซีนโควิดให้กับเด็ก เช่น ไฟเซอร์ เพื่อให้พวกเขาได้กลับไปเรียนในห้องเรียนตามปกติ และปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้ทันกับโลกในยุคปัจจุบัน และจัดการกับการบ้านและใบงานที่เยอะจนทำไม่ทันให้สมเหตุผลมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ทับเด็กจนตายเหมือนตอนนี้”

ส่วนข้อเรียกร้องของผม ในฐานะผู้ปกครอง สิ่งที่รัฐบาลต้องทำอย่างเร่งด่วนในเวลานี้ คือ 1. เยียวยาสภาพจิตของเด็กๆ ด้วยการลดภาระงาน ปรับลดวิชาเรียนให้เหลือเพียงวิชาหลัก เมื่อเปิดเรียนได้ปกตินำรายวิชาย่อยทั้งหมด มาบูรณาการร่วมกันเพื่อลดชั่วโมงเรียน โดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 2. เร่งฉีดวัคซีนให้กับครู 3 .จัดหาวัคซีนให้กับเด็ก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ เพื่อให้เด็กได้ไปเรียนตามปกติ

3 ข้อเรียกร้องนี้ของผม คือข้อเรียกร้องเร่งด่วนที่รัฐต้องทำ อย่าปล่อยให้ลูกหลานเยาวชน ต้อง จมอยู่กับกองภาระงาน หรือการศึกษาที่พวกเขามองว่าเรียนไปก็ไม่เห็นอนาคต เรียนไปก็ไม่ได้ความรู้ เพราะนอกจากจะเป็นการด้อยค่าการศึกษาแล้ว ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของเด็กที่มีต่อระบบการศึกษาไทย เพราะเด็กเหล่านี้จะต้องเป็นผู้ที่มาพัฒนาประเทศชาติในวันข้างหน้า ขอบคุณมากครับ

https://www.facebook.com/161002440598517/posts/4636890553009661/