เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้เวลาอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพียง 3 วันน้อยเกินไป แนะฝ่ายรัฐบาล เปิดโอกาส “สภา” ตรวจสอบให้รอบคอบ
20 พฤษภาคม 2563 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่วิปรัฐบาลเสนอให้ใช้เวลาพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ และพ่วง พ.ร.ก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่จะมีขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนัดแรก วันที่ 27 พฤษภาคมนี้ โดยเสนอให้ใช้เวลาเพียง 3 วัน ว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วย เนื่องจากเวลาพิจารณาน้อยเกินไป โดยจะเหลือเวลาอภิปรายเพียงวันละ 10 ชั่วโมง เพราะรัฐบาลยังไม่ยกเลิกเคอร์ฟิว ดังนั้นทั้ง 3 วัน จึงมีเวลาแค่ 30 ชั่วโมงเท่านั้น หากรัฐบาลแบ่งให้ฝ่ายค้านครึ่งหนึ่งก็จะมีเวลาเหลือแค่ 15 ชั่วโมง สำหรับพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ที่มียอดเงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ 1.9 ล้านล้านบาท แถมยังต้องพิจารณา พ.ร.ก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อีกด้วย ซึ่งเวลาเพียงเท่านี้ไม่สามารถตรวจสอบและพิจารณาได้อย่างละเอียดรอบคอบแน่นอน
การอภิปรายครั้งนี้มีความสำคัญมากเพราะคนไทยทุกคนต้องแบกภาระหนี้จากการกู้เงินครั้งนี้ไปอีกหลายสิบปี การออกกฎหมายโดยใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีจึงเหมือนกับการตีเช็คเปล่าที่ให้ฝ่ายบริหารนำไปใช้ได้ตามอำเภอใจ ดังนั้นจึงควรให้สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากตัวแทนประชาชนได้พิจารณาอย่างละเอียด โดยเฉพาะ 3 เรื่องหลักซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สำคัญของการกู้เงินครั้งนี้ คือ 1. เยียวยาประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง ยกเว้นผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการออกคำสั่ง เช่น ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ยังคงได้รับเงินเดือนตามปกติ หรือผู้ที่ไม่ประสงค์จะได้รับการเยียวยา 2. ดำเนินมาตรการอันจำเป็นเพื่อการพยุงรักษาระบบเศรษฐกิจไม่ให้ล่มสลาย และ 3. ดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งในแต่ละประเด็นมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีสภาพปัญหาของประชาชนจากการกำหนดมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ที่ ส.ส. จำเป็นต้องสะท้อนและให้ข้อเสนอแนะอีกมากมาย ดังนั้นเวลาพิจารณาเพียง 15 ชั่วโมง จึงไม่เพียงพออย่างแน่นอน
“เราต้องอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท 3 ฉบับ ภายในเวลา 15 ชั่วโมง เท่ากับว่าใน 1 ชั่วโมง ต้องพิจารณาการใช้เงิน 126,000 ล้านบาท หรือ 1 นาที ต้องพิจารณาการใช้เงิน 2,100 ล้านบาท หรือ 1 วินาที ต้องพิจารณาการใช้เงิน 35 ล้านบาท ซึ่งตามสามัญสำนึกของคนทั่วไปย่อมเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นการพิจารณาครั้งนี้จึงไม่สมควรกำหนดเวลาเพื่อบีบการตรวจสอบของฝ่ายค้าน แต่ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำงานมากที่สุด เพราะข้อเสนอแนะต่างๆ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนและการทำงานของรัฐบาลเองเสียด้วยซ้ำ”