ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้ข่าวราคาน้ำมันเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมาโดยมีเนื้อหาว่าสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ราคาน้ำมันแพงกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและไม่รู้ข้อเท็จจริงมากพอ รัฐบาลทุกรัฐบาลจะมีใช้มาตราการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทเนื่องจากมีผลต่อภาคการขนส่งทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม สินค้าจะปรับตัวสูงประชาชนจะเดือนร้อน โดยนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาพยุงราคาดีเซล

ดร.อรุณี กล่าวต่ออีกว่า การพยุงราคาน้ำมันดีเซลเป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลพึ่งกระทำ แต่ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการจัดเก็บภาษีที่ถูกกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีมูคค่าเพิ่มและภาษีส่วนท้องถิ่น ทำให้ราคาน้ำมันถูกลงโดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันน้อยมากในการพยุงราคาน้ำมัน ขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้เพียงมาตรการกองทุนน้ำมันฯพยุงราคา ทำให้ต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันมหาศาล ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ครม. ได้อนุมัติให้กู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันฯ ซึ่งปัจจุบันติดลบอยู่ 20,000 ล้านบาท และกำลังจะติดลบ 30,000 ล้านบาท และอาจพุ่งถึง 40,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและกำลังส่งผลในภาพรวม เพราะการบริหารและตัดสินใจที่ผิดพลาดและล่าช้าของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่เน้นการกู้เพื่อแจก กู้เพื่อพยุงราคา เพราะหารายได้ไม่เป็น

“เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ของทุกอย่างแพงขึ้นแต่รายได้เท่าเดิม หนี้ครัวเรือนพุ่ง ตรงไหนที่สะท้อนว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศได้มีประสิทธิภาพ แต่มีประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียว คือ การกู้เงิน “ ดร.อรุณี กล่าว