‘ชุมสาย’ อัด ‘สนธิญา’ มโนจ้องยุบเพื่อไทย เตือนร้องเท็จมีโทษหนัก พรรคที่รู้เห็นโดนสองเท่า จี้ กกต.เอาผิดนักร้องมั่ว
นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย เหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 44,45,28,29 มีโทษตามมาตรา92 (3) (4 ) ว่า ตนยังไม่เห็นคำร้องของนายสนธิญา แต่หากดูประเด็นจากสื่อเห็นว่าไม่มีมูลอันจะเป็นความผิดได้ตามที่กล่าวอ้าง ไม่มีข้อเท็จจริง ไร้แก่นสารสาระ ไม่มีพยานหลักฐานและพฤติการณ์ใดๆที่จะชี้ว่าเป็นความผิด แต่เป็นการใช้จินตนาการหาเหตุยื่นยุบพรรคโดยมิชอบมากกว่า ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องนี้ กกต. คงไม่เห็นพ้องด้วย พรรคเพื่อไทยไม่ได้หวั่นไหวต่อเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ระเบียบและกฎหมายทุกประการ และไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง นายสนธิญาไม่ควรทำตัวเป็นสิ่งน่ารำคาญทางการเมือง
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวของนายสนธิญา น่าจะเข้าข่ายเป็นการกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อ กกต.โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และหากมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าพรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็นก็จะมีโทษเป็นสองเท่า โดย กกต.มีอำนาจสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคนั้นได้ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 101 ซึ่ง กกต.ต้องจัดการตามอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้ ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะเข้ายื่น กกต.ให้ตรวจสอบการกระทำของนายสนธิญาในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.65) เวลา 10.00 น.ที่ สำนักงาน กกต.
นายชุมสาย กล่าวอีกว่า การเดินทางไปพบ ดร.ทักษิณ ผู้เป็นบิดาของนางสาวแพทองธาร ไม่ได้เป็นการกระทำผิดใดๆ เพราะถือเป็นเรื่องปกติของปุถุชนที่จะได้ไปพบปะเยี่ยมเยียนคนในครอบครัว ดร.ทักษิณ ไม่ได้ครอบงำและไม่ผิดตามมาตรา 28,29 ตามที่นายสนธิญากล่าวหา จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายสนธิญาจึงร้อง กกต.ในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดี ถึงแม้นายสนธิญาหรือฝ่ายตรงข้าม จะมีความพยายามโจมตีนางสาวแพทองธาร หรือพรรคเพื่อไทยอย่างไร ก็ไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นศรัทธาที่พี่น้องประชาชนมีต่อพรรคเพื่อไทย รวมถึงความนิยมที่พี่น้องประชาชนมีต่อนางสาวแพทองธารได้ ยิ่งมีผู้โจมตีใส่ร้ายเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มคะแนนความนิยมให้กับพรรคมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีผู้ที่จงใจใส่ร้ายทางการเมืองทั้งที่พรรคไม่ได้กระทำการใดๆ
“เรื่องที่นายสนธิญาร้องเรียน ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องการโจมตีใส่ร้าย มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองหรือไม่ เพราะนายสนธิญาเองมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี หรือนายแรมโบ้ ที่ยกย่องเชิดชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สุดหัวใจ หากนายสนธิญา อยากทำงานการเมือง ก็ควรมุ่งหน้าทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน ดีกว่าใช้เวลาไปกับการร้องเรียนไปเรื่อยๆ แบบนี้ ระวังการกระทำนี้จะนำโทษทางอาญากับผู้ร้อง” นายชุมสายกล่าว