สมาชิกวุฒิสภาของอังกฤษ และไทย : ความต่างในประชาธิปไตย
ประเด็นเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
(กรธ.) และข้อเสนอของ คสช. ที่น่าจับตามองและกำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมขณะนี้
คือ เรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา แนวคิดการมีสมาชิกวุฒิสภานั้นมีต้นแบบมาจากประเทศอังกฤษ
ทว่าก็มีความแตกต่างกันอยู่หลายประการ โดยเฉพาะด้านการจำกัดอำนาจหน้าที่
วุฒิสภาในประเทศอังกฤษนั้นเรียกว่า สภาขุนนาง (House of
Lords) เป็นสถาบันที่มีวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การเป็นสถาบันที่มีอำนาจและอภิสิทธิ์ในสังคมอย่างสูง
จนในปัจจุบันเมื่อสภาสามัญมีอำนาจมากขึ้น อำนาจของสภาขุนนางจึงถูกจำกัดให้ลดน้อยลง
สภาขุนนางของอังกฤษนั้นมิได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
แต่ประกอบด้วยขุนนางฝ่ายสงฆ์ หรือพระที่ดำรงสมณศักดิ์ และขุนนางฝ่ายฆราวาสที่มาจากการสืบเชื้อสายและฐานันดรศักดิ์
สภาขุนนางนั้นไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปในกิจธุระของรัฐสภาภายในสหราชอาณาจักรได้โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมประชุมสภาให้ด้วย
เช่น สำหรับการประชุมที่ต้องพักค้างนอกสถานที่ จะได้รับไม่เกิน 70 ปอนด์ (ประมาณ 3,500 บาท)
หรือสำหรับการไม่พักค้าง จะได้รับไม่เกิน 31.5 ปอนด์ต่อวัน
(ประมาณ 1,500 บาทต่อวัน) เป็นต้น
เนื่องจากสมาชิกสภาขุนนางมิได้รับเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง
สภาขุนนางจะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองพระราชบัญญัติในเรื่องเกี่ยวกับภาษีและการเงิน
แต่จะมีหน้าที่สองประการคือ
1) ทำหน้าที่เป็นศาลสูงสุดในการพิจารณาคดีแพ่งในสหราชอาณาจักร
และคดีอาญาในอังกฤษ เวลส์และไอร์แลนด์เหนือ ผู้ที่พิจารณาคดีประกอบด้วยขุนนางด้านกฎหมาย
9 คน ประธานสภาขุนนางและสมาชิกที่ดำรงตำแหน่งในศาลสูง
2) ทำหน้าที่ตรวจและแก้ไขร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาในสภาสามัญแล้ว
การพิจารณาตรวจและแก้ไขนี้อนุญาตให้มีการโต้เถียงแต่ละบทบัญญัติ แต่ทำได้ไม่เต็มที่เหมือนในสภาสามัญ
สภาขุนนางสามารถแก้ไขร่างพระราชบัญญัติได้ทุกร่างยกเว้นร่างที่เกี่ยวกับภาษีและการเงิน
นอกจากนี้สภาขุนนางยังไม่มีสิทธิในการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่มีสิทธิในการตั้งกระทู้ถามและวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้
สภาขุนนางอังกฤษ แม้จะมีอำนาจดีเบตกฎหมายและชะลอการออกกฎหมายได้
แต่ก็ไม่มีสิทธิยับยั้งกฎหมาย กล่าวคือ ถ้าสภาผู้แทนราษฎรโหวตยืนยันผ่านกฎหมาย
สภาขุนนางก็ไม่มีอำนาจขัดขวาง
นอกจากนี้สภาขุนนางอังกฤษ ก็ไม่มีอำนาจแต่งตั้งองค์กรอิสระ
และไม่มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เหมือนกับที่วุฒิสภาในหลายๆ ประเทศ
สภาขุนนางอังกฤษจึงเป็นเพียงเวทีดีเบต
ที่ช่วยให้ข้อมูลประชาชนเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของกฎหมายฉบับต่างๆ
ไม่ได้มีอำนาจเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือถ่วงดุลกับรัฐสภาอย่างจริงจังแต่อย่างใด
ย้อนกลับมาดูในประเทศไทย หลายคนมักบอกว่าประเทศไทยนั้นมีการปกครองรูปแบบคล้ายกับในประเทศอังกฤษ
อาจจะจริงที่จุดเริ่มต้นเราอาจจะนำต้นแบบมาจากสหราชอาณาจักร หากเมื่อเวลาผ่านไป
ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงระบบการเมือง เพื่อให้ปรับใช้เข้ากับความเป็นไทยมากขึ้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังดำเนินการกันอยู่
ก็นับเป็นฉบับที่ 20 แล้ว
ทั้งนี้หากย้อนอดีตกลับไป รัฐธรรมนูญ 2540 ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่กำหนดให้วุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง ข้อดีของการที่มาจากการเลือกตั้ง คือ ให้อำนาจประชาชนในการตัดสินเลือกผู้แทนของตนเองในแต่ละพื้นที่
ไม่ผูกขาดอำนาจการเลือกไว้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในปี 2550
ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน (ฉบับปี 2550) วุฒิสภาในประเทศไทยประกอบด้วยสมาชิกจำนวน
150 คนซึ่งมาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด จังหวัดละ 1
คน
และมาจากการสรรหาเท่ากับจำนวนรวมข้างต้นหักด้วยจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง
(จังหวัด 77 คน และสรรหา 73 คน)
วุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรองและพิจารณากฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร
ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน โดยการตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี
หรือเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาโดยไม่มีการลงมติ
นอกจากนี้ยังให้วุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเลือก แต่งตั้ง เสนอชื่อ
หรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
โดยตั้งคณะกรรมาธิการ ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง
รวมทั้งรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จำเป็น แล้วรายงานต่อวุฒิสภาเพื่อประกอบการพิจารณา
ตามมาตราที่ 121 ของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 อีกด้วย
ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่นำโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ มีความพยายามจาก
คสช. ผ่านข้อเสนอไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเพิ่มจำนวนสมาชิกวุฒิสภาเป็น
250 คนโดยมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด และมีวาระ
5 ปี อีกทั้งยังเสนอเปิดทางให้ผู้นำเหล่าทัพเข้าเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยตำแหน่ง
มีอำนาจหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศพร้อมเพิ่มอำนาจตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
การกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งทั้งหมด
แม้จะคล้ายกับที่สหราชอาณาจักร แต่ก็เป็นเพียงความคล้ายในแง่ของที่มาเท่านั้น
เพราะขณะที่วุฒิสภาของสหราชอาณาจักรนั้นแทบจะไม่มีบทบาทใดๆ ในทางการเมืองเลยเนื่องจากไม่ได้มาจากประชาชน
แต่วุฒิสภาในประเทศไทยที่กำลังปรากฏเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ในขณะนี้
กลับมีลักษณะตรงกันข้าม คือ มีที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.แม้จะใช้คำพูดว่าคัดสรรโดยกรรมการก็ตาม
และที่สำคัญคือ สามารถกำหนดรัฐบาลในอนาคต มีอำนาจเหนือรัฐบาลของประชาชน