สื่อญี่ปุ่น รายงานอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมแฟนเพจกาฬสินธุ์ ภายหลังครบรอบ 2 ปี รัฐประหาร

สำนักข่าวญี่ปุ่นได้รายงานถึงการเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการไปเยี่ยมแฟนเพจเฟซบุ๊คยิ่งลักษณ์หลังจากมีโปรแกรมให้แฟนเพจได้ร่วมกิจกรรมโหวตจังหวัดที่ต้องการให้นายกฯยิ่งลักษณ์ไปเยือนมากที่สุด โดยจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการโหวตว่าต้องการให้น.ส.ยิ่งลักษณ์มาเยือนมากที่สุดจังหวัดหนึ่ง

ในการเยือนจังหวัดกาฬสินธุ์ในครั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับจีจิเพรสระหว่างการเดินทางถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่ามีความกังวลถึงเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนที่ถูกลิดรอนในเวลานี้ ทั้งที่การแสดงออกซึ่งความเห็นต่างเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการที่จะแสดงออกถึงความคิดเห็นของตนเอง

นอกจากนี้ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่ารัฐบาลควรสร้างบรรยากาศของการพูดคุยที่เป็นอิสระให้มากขึ้นและควรให้สิทธิแก่ประชาชนในการแสดงความคิดเห็นของตนเองได้อย่างเปิดเผยอีกด้วย

ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ได้รายงานถึงการเยือนจังหวัดกาฬสินธุ์ในครั้งนี้ว่าเป็นการพบแฟนเพจเฟซบุ๊กยิ่งลักษณ์ในต่างจังหวัดครั้งแรก หลังจากก่อนหน้าได้ทำการพบแฟนเพจมาแล้วในกรุงเทพฯ ในการมาเยือนในครั้งนี้ได้รับรู้ถึงปัญหาภัยแล้งตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังกระทบกับชาวบ้านในต่างจังหวัดเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับผลเวลาเศรษฐกิจเกิดปัญหา

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับเกียวโดนิวส์ ถึงการครบรอบ2ปีรัฐประหารว่าประเทศจะถูกนำไปสู่การมีประชาธิปไตยที่แท้จริง และรัฐบาลควรให้ความสนใจต่อเสรีภาพและปัญหาปากท้องของชาวบ้านอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นและยังได้กล่าวขอบคุณถึงนักลงทุนญี่ปุ่นที่ได้ให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยหลังวิกฤติมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ในการขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและหวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะยังแข็งแกร่ง

แฟนเพจเฟซบุ๊คยิ่งลักษณ์ท่านหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับเกียวโดนิวส์ถึงความรู้สึกของการมาเยือนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในครั้งนี้ว่า “ฉันรักท่านและอยากให้ท่านกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ฉันสามารถส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนได้เพราะขายผ้าไหมแพรวาผ่านโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งลิตภัณฑ์ที่ดร.ทักษิณได้ริเริ่มไว้และได้รับการสานต่อโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ รายได้ในส่วนนี้มีรายได้มากกว่าการทำนาและกลายมาเป็นอาชีพหลักของฉัน แล้วคนที่นี่ไม่ได้ทราบเรื่องข้อกล่าวหาในคดีต่างๆแต่เรารู้ว่าเรามีชีวิตทีดีและเศรษฐกิจที่ดีในช่วงที่เธอเป็นรัฐบาล” 

เกียวโดนิวส์ได้รายงานถึงการรัฐประหารเมื่อพฤษภาคม2557 ที่ในเวลาต่อมาอดีตนายกยิ่งลักษณ์ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาในหลายคดีโดยเฉพาะคดีนโยบายจำนำข้าวที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้ประเทศเสียหายกว่า 15.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวทิ้งท้ายกับเกียวโดนิวส์ว่า “ไม่สำคัญว่าดิฉันจะอยู่ในตำแหน่งใด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือเป็นรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม ดิฉันก็ตัดสินใจแล้วว่ายืนเคียงข้างกับประชาชนและจะไม่ทิ้งพวกเขาไปไหน”