สองทัศนะ : รัฐธรรมนูญ 60

1.รัฐธรรมนูญประกาศใช้พรรคพร้อมเลือกตั้งอย่างไร
เตรียมคนอย่างไร

วันนี้พรรคยังไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆ ได้
ฉะนั้นการคัดเลือกตัวบุคคลเรายังไม่ได้ดำเนินการอะไร
แต่หัวใจสำคัญของผู้แทนราษฎรก็คือต้องนั่งอยู่ในหัวใจพี่น้องประชาชน ต้องเข้าใจปัญหาความรู้สึกและความต้องการของพี่น้องประชาชน
ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่จะอาสาตัวเองมาเป็นผู้แทนราษฎรคือจะต้องไปคลุกคลีกับพี่น้องประชาชน
ถ้าเขาคลุกคลีและพี่น้องประชาชนรู้จักเขา เข้าใจปัญหาและความต้องการของประชาชน
สามารถสะท้อนปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ก็จะเป็นผู้มีโอกาสได้รับเลือก
สิ่งสำคัญที่สุดถ้าพรรคเพื่อไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเราก็จะเป็นไปตามกระบวนการและยอมรับในระบบ
ไม่ปล่อยให้การคิดนอกระบบ และการคิดที่ไม่เป็นไปตามกฎกติกามาครอบงำหรือผลักดันให้เราเดิน
กล่าวคือเราจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมที่ทั่วโลกยอมรับ

2.จะมีนโยบายพรรคอย่างไร

เราเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งถ้ามีข้อห้ามหรือข้อจำกัดในการนำเสนอนโยบายมากๆ

ปัญหาที่จะตามมาคือ ปัญหาของประชาชนจะไม่ได้รับการแก้ไข แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร
ฉะนั้นหัวใจการทำนโยบายของเราคือการตอบสนองการแก้ปัญหาของประชาชน
หาทางออกคลี่คลายปัญหาของประเทศให้ได้
แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับกติกาที่จะออกมา ซึ่งเราเป็นห่วงว่าถ้าหากกติกาที่ใช้ไม่ยืดหยุ่นหรือเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาและแข่งขันกับคนอื่นได้
การลงทุนของต่างประเทศก็จะไม่มี ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์ที่นักลงทุนหลายส่วนไปจับมือกับเพื่อนบ้านในการทำธุรกิจ
เพราะเพื่อนบ้านเขามีกฎกติกาที่ยืดหยุ่น คล่องตัว
สามารถทำให้การร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศทำได้ดีกว่า

3.สิ่งที่กังวลใจและเป็นห่วงในรัฐธรรมนูญ

สิ่งที่กังวลและเป็นห่วงในรัฐธรรมนูญก็คือเรื่องกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหลาย
และแนวทางที่พยายามกำหนดทิศทางของประเทศโดยเฉพาะเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
และดูในรายละเอียดภายใต้กรอบที่เขาเขียนไว้ให้เดิน เป็นเจตจำนงของผู้มีอำนาจ แต่มันไม่ค่อยสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลกซึ่งต้องการความยืดหยุ่นและทันกับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์
วันนี้อย่าไปพูดถึง 20 ปีเลย แค่ 5
ปีข้างหน้าเรายังคาดการณ์อะไรไม่ค่อยถูกต้อง
แม้กระทั่งการคาดการณ์เศรษฐกิจรายปีที่ทำอยู่ เรายังไม่สามารถทำได้ถูกต้องและแม่นยำ
ฉะนั้นมันฟ้องว่ายิ่งวางกรอบมาก การแก้ปัญหาก็จะเท่าทันการเปลี่ยนแปลงได้น้อย
ซึ่งโลกภายนอกเขาปรับตัวกันอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ควรจะดึงการมีส่วนร่วมของคนทุกฝ่ายให้มากขึ้นเพื่อจะได้ช่วยกันดูแลให้แผนงานต่างๆปรับตัวได้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงประเทศจะได้ไม่เสียโอกาส

4.คาดหวังที่นั่งในสภาฯ อย่างไรบ้าง

เร็วเกินไปที่จะมาคุยกันในประเด็นนี้และคนที่จะทราบและตอบได้ดีที่สุดคือประชาชน
และเร็วเกินไปที่จะพูดว่าเราจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน
ซึ่งความจริงพรรคการเมืองพร้อมทำได้ทุกหน้าที่ ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนมอบความไว้วางใจให้เราไว้อย่างไร
หากเสียงไม่เพียงพอ
เราจะเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างถูกต้องเหมาะสม
เข้มข้นเพื่อให้ประเทศมีทางเดินที่สามารถเกิดความโปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
สุดท้ายขอฝากว่าการมุ่งเดินหน้าให้สังคมไทย ก้าวสู่ความสงบสุข สันติ มีความปรองดอง
มีความเป็นประชาธิปไตย และมีหลักประกันในสิทธิ เสรีภาพของทุกคน
เป็นความปรารถนาของพรรคเพื่อไทย และที่สำคัญต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรม
มุ่งอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่ายเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้น
สังคมไทยจึงจะสามารถฝ่าพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างแท้จริง
เราเสียเวลามามากแล้วกับความขัดแย้งที่ไม่รู้จักจบและการไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามที่ไม่จบสิ้น
สังคมไทยควรหยุดสังเวยอคติต่างๆเหล่านี้ได้เสียที
สิ่งนี้คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญกว่าการมุ่งเอาชนะคะคานกันในทางการเมือง

ที่มา นสพ. เดลินิวส์ 8 เม.ย. 2560

Categories: Interview