“ภูมิธรรม” เรียกร้อง “ประยุทธ์” ช่วยสร้างความเป็นธรรมคดี “จำนำข้าว”

“ภูมิธรรม” เรียกร้อง “ประยุทธ์” ช่วยสร้างความเป็นธรรมคดี
“จำนำข้าว” เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศ
ไม่ถูกครหาและเป็นที่ยอมรับของโลกมากขึ้น

 
…..ผมพยายามทำความเข้าใจ การดำเนินคดี”จำนำข้าว”
กับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ด้วยความประหลาดใจในหลายประเด็น…ทำไมท่านนายกยิ่งลักษณ์
ชินวัตร จึงมักต้องเผชิญกับการสร้าง นวัตกรรมใหม่ๆ

ในการถูกดำเนินคดีความอยู่เสมอ

ผมไม่เข้าใจหลายเรื่อง อาทิเช่น

 
1) ทำไม. น้ำแล้งจึงไปโทษ”จำนำข้าว”.
ทั้งๆที่มีจำเลยคือสภาพการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติให้โทษอย่างสมเหตุ สมผลมากกว่า

 
2) ทำไม. การทำให้ชาวนาได้ประโยชน์ มีเศรษฐกิจในชีวิตดีขึ้น
สามารถเพิ่มกำลังซื้อของตนเอง ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นส่งผลให้

เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้นด้วย..จึงกลายเป็นความผิด
ต้องแบกรับไปตลอดระหว่างการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวท่าน

  3) ทำไม.  เรื่องข้าวเน่าที่เป่าประกาศกันอย่างไม่หยุดยั้ง.
รัฐบาลทำไม
ไม่ไปดำเนินการเรียกร้องความเสียหายจากโรงสีที่รับผิดชอบทั้งๆที่มีสัญญาที่รัฐได้ทำกำกับไว้แล้วกับทุกโรงสี.
และที่สำคัญ ปัญหาที่ข้าวเน่า อาจเกิดจากการไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง
ของกลไกรัฐในหน่วยราชการเสียเองก็อาจเป็นได้
ทำไมนายกยิ่งลักษณ์กลับกลายมาเป็นจำเลยต่อเนื่องไปอีก …พยายามคิดก็ยังไม่เข้าใจ

  4)ทำไม.  การให้ร้าย โจมตีการจำนำข้าว.
โดยไม่ตรงกับความเป็นจริง. ก็ยังมีการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
ทั้งๆที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายที่เชื่อว่าเกิดขึ้นนั้นไม่ได้
เป็นจริงตามที่มีการกล่าวหากัน…ไม่ว่าจะมีคำถามว่าเกิดขึ้นจริงแค่ไหน  เสียหายอย่างไรกันแน่

 
มีแต่การโจมตีอย่างเลื่อนลอยว่า”จำนำข้าว”
ทำร้ายประเทศและทำให้ประเทศเสียหาย.
ทั้งๆที่ก็มีการทำเช่นลักษณะเดียวกันนับแต่ในอดีต

มานานแล้ว. และที่สำคัญทุกประเทศในโลก
ล้วนมีความเช้าใจว่า โดยหลักปรัชญาแล้ว “โครงการจำนำข้าว”.
เป็นหนึ่งในโครงการที่ เป็นพันธะของรัฐที่ต้องปฏิบัติ
ตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ และที่สำคัญ เป็นหน้าที่ ที่รัฐ
ต้องดูแลประชาชนในประเทศของเขา เหมือนการดูแลราคายาง ราคาพืชผลการเกษตรต่างๆ

 
เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของการคิดและหลักเหตุผลที่.
รู้สึกว่าผลดีที่เกิดขึ้นจากโครงการมากมาย
แต่ทำไมผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นที่มีต่อสัญญาประชาคมกับประชาชน.
พยายามผลักดันให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด..จึงกลับกลายตกเป็น”จำเลย” ไปได้.
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

 
ต้องยอมรับกันว่า…ผลดีที่เกิดจากโครงการลักษณะแบบ”โครงการจำนำข้าว”.
ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาวนาและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ.
และเงินทุกบาททุกจำนวนที่ออกจากรัฐ ไม่มีการรั่วไหล. เพราะส่งตรงออกจากบัญชีของรัฐ
ไปถึงมือชองชาวนาทุกครัวเรือนอย่างไม่มีหลุดหาย

 
ถ้าตั้งใจจะช่วยกันคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งในประเทศกันอย่างจริงจัง.
ต้องช่วยกันอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในเบื้องต้น

ผมจึงขอเสนอความคิดเห็นต่อท่านนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านโปรดพิจารณาไตร่ตรอง. อำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับท่านอดีตนายกรัฐมนตรี
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร. ซึ่งผมเชื่อว่า
ท่านคงได้เห็นถึงความตั้งใจจริงและความพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้ชาติบ้านเมืองของท่านยิ่งลักษณ์มาแล้ว.
ตั้งแต่เมื่อสมัยที่ท่านเคยทำงานร่วมกันมาในสมันรัฐบาลที่แล้ว

 
ผมเห็นว่าสิ่งที่ท่านยิ่งลักษณ์ เรียกร้องมาโดยตลอด
ไม่ได้ต้องการอภิสิทธิ์ใดๆ. ต้องการเพียงการอำนวยความยุติธรรม ตามกระบวนการ

เฉกเช่นทุกคนในสังคมไทยพึงจะได้รับ

 
ขณะนี้คดีของท่านกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม
และคดียังเพิ่งเริ่มต้น ในขณะที่อายุความเสียหายทางแพ่งที่จะเกิดขึ้น

ยังมีอายุความตามคดีอาญาอีกนานถึง 15 ปี ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นใด
ที่ต้องเร่งรีบรวบรัดคดี ให้เป็นที่ครหาของสาธารณะชน

เพียงต่อขอโอกาสในการได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
โดยเป็นไปตามกระบวนการที่ปกติ ตามหลักนิติธรรมสากลที่. ประเทศต่างๆทั่วโลกยอมรับ

 
การต่อสู้ทางคดีที่เกิดขึ้นควรให้เกิดความแจ้งชัดว่าท่านอดีตนายกได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่.
และได้ถูกดำเนินการตามกระบวนการกฏหมายปกติอย่างที่ท่านประกาศไว้
โดยไม่มีการนำอำนาจพิเศษใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง 
ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมเสนอด้วยความรู้สึกอยากเห็นกระบวนการต่างๆเดินไปตามครรลอง
สิ่งที่ผมนำเสนอด้วยความบริสุทธิ์ใจผมเชื่อว่า
ท่านรองนายกด้านกฏหมายและสำนักงานกฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล
น่าจะได้มีส่วนช่วยท่านนายก ได้ทบทวนและพิจารณาอย่างรอบครอบ

  ผมเชื่อว่าการตัดสินใจตามข้อเสนอและคำร้องขอนี้.
จะยิ่งทำให้เกียรติภูมิของท่านนายกและการแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมาในประเทศ
คลี่คลายลงได้ตามลำดับซึ่งจะยิ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่ายและแก่ประเทศโดยรวม

 

            ภูมิธรรม เวชยชัย

 รักษาการเลขาธิการ  พรรคเพื่อไทย

         8  พฤศจิกายน 
2558 


—————————————————–

Phumtham’s
plea to PM Prayuth: please consider ex-PM Yingluck’s case with justice so as to
preserve the integrity and international acceptance of Thailand’s justice
system

I am
trying to make sense of the prosecution against ex-PM Yingluck on the “Rice
Pledging Scheme” case, despite my several misgivings. What I cannot understand
is why she always has to face the so-called “innovation” during the
prosecution. These are some of the examples;

1) Why
the drought was blamed on the “Rice Pledging Scheme”, whereas the more sensible
culprit should be adverse environmental changes?
2) Why
the policy that benefits the farmers by increasing their purchasing powers, in
turn improving their quality of live and the economy as a whole, be considered
a crime which she has to bear with while proving her innocence?
3) As for
the case of “rotten rice” which has been relentlessly repeated in public, why
does the government not sue the participating mills, each of which had already
signed an agreement with the previous administration? Importantly, the “rotten
rice” issue may be caused by government officials’ oversight. Why does Khun
Yingluck become the culprit again in this case? I am still trying to come to
terms with this.
4) Why do
baseless criticisms against the rice pledging scheme still continue unabated,
even though it can be proven that the alleged losses from the scheme doesn’t
actually arise as such? Instead, the “rice pledging” scheme had been unfairly
attributed as being harmful to Thailand despite the existence of similar
policies in the past. Crucially, the international community understands that
in principle, the “Rice Pledging Scheme” is one of several policies which the
government is mandated to implement, as stipulated in the constitution. What is
equally important is that it is the duty of the government to take care of its
citizens. In this regard the Rice Pledging Scheme is no different from measures
to stabilise the price of rubber or other agricultural produces.

I am
forming these arguments based on the following rationale: Why do those who are
committed to social contract by pushing through policies benefiting the
populace become “the culprit”? The more I think of this, the more logic eludes
me.

We have
to accept that “rice pledging”-style policies have conferred benefits to the
farmers and the economy as a whole. Also, every single baht that the government
pays out does not leak because it has been sent straight from the government
account to every farmer’s households without loss.

With that
said, if we intend to resolve the ongoing domestic conflicts, we have to make
sure that the concept of basic justice is widely accepted. To this end, I would
like to propose to the Prime Minister, General Prayuth Chan-ocha, to consider
ensuring justice to ex-PM Yingluck Shinawatra in this case. I believe that you
should have seen her determination to resolve the country’s problems upon your
collaboration with her during the previous administration.

I am of
the opinion that what Khun Yingluck has continually asked for is not unfair
privilege. What she seeks is the fairness in the justice system as with all
Thais are entitled to receive.

As the
trial in Khun Yingluck’s case is only in its initial stages, whereas the
limitation of prosecution in this civil case is 15 years, I do not think it is
necessary to close the case in a hurry, less it becomes ridiculed by the
public.  What I would like to see is for her to be given the opportunity
to defend herself fairly in accordance with internationally accepted rule of
law.

For this
coming trial, the government should clearly declare that fairness is ensured in
the ex-PM’s prosecution, whereas the trial should be conducted as per normal
proceedings with no special powers being imposed. What I have sincerely
proposed is borne out of a desire for the rule of law and fairness to be
guaranteed in legal proceedings. I am confident that His Excellency the Deputy
Prime Minister, who is in charge of legal affairs and the Council of the State,
as well being the advisor to the Prime Minister, should be able to help you
revise and meticulously consider this case.

I firmly
believe that the decisions made based on these proposals and petitions will
further lift the Prime Minister’s prestige. In addition, the resolution of
Thailand’s deep-seated problems will be accelerated, thus benefiting all
parties and the country as a whole. 

                    Phumthum Wechayachai

 
 Acting Secretary General of
the Pheu Thai Party
                       8th November, 2015