ดร. ปลอดประสพ ชี้ กินแอสไพรินดีกว่าออกกฎหมายพิสดาร เสนอแก้ปัญหาการค้ามนุษย์-แรงงานประมงต้องเจรจาระดับประเทศ
วันที่ 31 มีนาคม 2558 ดร. ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟสบุ๊กระบุ กินแอสไพรินดีกว่าออกกฎหมายพิสดาร ร่ายยาวปัญหาค้ามนุษย์ ว่า “รู้สึกแปลกใจที่ท่านนายกฯประยุทธ์ โยนรัฐบาลที่แล้วเป็นตัวปัญหาในการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ แต่ค่อยโล่งใจเมื่อภายหลังท่านก็ว่าเป็นเรื่องเรื้อรังยาวนานมานับสิบปีก็ช่วยแก้ไขกันมาตลอด แต่ของท่านทำมากที่สุด
ในฐานะที่เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับกระทรวงแรงงาน ขอเรียนว่า พวกผมก็ทำนะครับ เช่น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2551 ในสมัยท่านนายกฯสมัคร (ดูเหมือนท่านจะเข้าใจว่าไม่เคยมี) ประกาศประธานศาลฎีกาว่าด้วยเรื่องข้อมูลฯ ก็ออกตามความใน พ.ร.บ. นี้ สำหรับรัฐบาลปัจจุบันท่านไม่ได้ใช้ พ.ร.บ. นี้เลย ท่านใช้แต่คำสั่ง คสช. เช่นประกาศฉบับที่ 73,74,101 และ 118 เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นมาตรการชั่วคราวทั้งนั้น ผมคิดว่าท่านน่าจะใช้ พ.ร.บ.จะดีกว่า เพราะ เป็นการถาวร ทำให้สร้างความน่าเชื่อถือได้ดี เอาเป็นว่าที่ท่านทำดีแล้ว เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ก็ขอชื่นชม (แต่ไม่จำเป็นต้องเกทับใคร) สำหรับท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ซึ่งประชุมเรื่องนี้หามรุ่งหามค่ำ ผมก็อยากให้ท่านให้เกียรติชื่นชมเหมือนกัน
ในฐานะมีเลือดประมงเข้มข้น ด้วยเพราะเคยเป็นอธิบดีกรมประมงยาวนานที่สุด จึงอยากให้เกร็ดข้อมูลบางประการไว้พิจารณา
หลังใต้ฝุ่นเกย์ ปี 2532 ชาวอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ บอกไม่เอาแล้วการเป็นชาวประมงเพราะตายไปเกือบ3,000ศพ ช่วงเดียวกันนี้ เรือประมงไทยออกไปทำการประมงนอกน่านน้ำกันมาก และถูกจับกุมคุมขังมากมายนับพันคน (แอบทำเกือบทั้งหมด) ลูกเรือจึงยิ่งขาดแคลนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ได้รับการเยียวยาทดแทนจากชาวพม่า แต่ก็มีชาวโรฮิงยาผสมมาด้วย จึงเป็นความเปราะบางทางการเมืองระหว่างประเทศ (NGOกลุ่มสิทธิชอบเล่น)
ประเทศไทยเคยเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลเป็นอันดับหนึ่งในโลก (ขอโม้หน่อยในสมัยผม) และมีเรือประมงทำการประทงในอันดับ5หรือ6ของโลก มีโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำไม่ด้อยกว่าใครเลย ทำรายได้่ให้ประเทศปีหนึ่งกว่าสองแสนล้านบาท เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ เพราะไม่ใช่จะได้มาโดยง่าย ต้องขอยกนิ้วให้พี่น้องชาวประมงและนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องทุกคน แต่การรักษาสิ่งเหล่านี้ พูดกันตรงๆ ต้องใช้กลยุทธ์ และ กุศโลบายหลายอย่าง (ดีบ้างไม่ดีบ้างทำอย่างไรได้)
หมูเกาะโมลุกกะ ในประเทศอินโดนิเซียมีปลามาก มีเรือประมงไทยไปจับปลามานานกว่า 20 ปีแล้ว ชาวประมงไทยที่ติดอยู่ที่นั่นเรียกกันว่า “ตกเรือ” แบ่งเป็นสองพวก พวกแรกขึ้นฝั่งทำมาหากิน มีครอบครัวอยู่ที่นั่นเลย (สาวชาวเกาะบอกคนไทยหล่อ) อีกพวกเป็นประเภทเหลือขอ เมาเหล้า ตีรันฟันแทงไม่เว้นวัน ไต้ก๋งเอาไม่อยู่ เนรเทศไล่ลงฝั่งไป ในช่วงสามสี่เดือนมานี้ทางการอินโดฯ ให้เรือประมงไทยซึ่งมีกว่าร้อยลำหยุดทำการประมงชั่วคราว (เรือทั้งหมดแปลงสัญชาติเป็นอินโดนไปเรียบร้อยแล้ว) ลูกเรือจึงเท้งเต้งอยู่กลางทะเล ซึ่งก็ไม่รู้อีกยาวนานเท่าไหร่ ลูกเรือเหล่านี้ได้รับเงินเดือนซึ่งก็ไม่มากนัก แต่ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการจับปลาเพราะไม่มีการจับปลา กลุ่มนี้ละครับที่อยากกลับบ้าน แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่า เรือเหล่านี้ไม่ใช่เรือไทยไปแล้ว และลูกเรือก็ได้ SEAMAN BOOK ของอินโดฯไปแล้ว
ยังมีอีกกลุ่มครับ อยู่กลางทะเลจีนตอนใต้ ช่วงเชื่อมต่อไทย-อินโดฯ-เวียดนาม กลุ่มนี้มีเรือเป็นร้อยลำ อยู่กลางทะเลไม่กลับฝั่ง เพราะมีเรือแม่มารับของ มีลูกเรือนับพันคนสารพัดสัญชาติ และผมเชื่อว่าพวกนี้แหละที่อยากกลับบ้านหนัก เพราะ สภาพความเป็นอยุ่คงลำบากมาก แต่ก็อีกนั่นแหละ พื้นที่นี้อยู่ในอาณาเขตทะเลของใคร เรามีอำนาจเหนือพื้นที่นี้หรือเปล่า (น่าปวดหัวนะครับ)
เรื่องเหล่านี้มันสลับซับซ้อนมากๆ เป็นปัญหาทั้งข้อเท็จจริง และ ข้อกฎหมาย ผลประโยชน์ และอำนาจรัฐ ท่านต้องชัดเจนในข้อมูลมากๆ ท่านต้องใช้คนที่รู้เรื่องนี้จริงๆ และต้องมีอำนาจในการสื่อสารรวมทั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะสีเทาหรือสีขาว ต้องทำงานทั้งในที่ลับและที่แจ้ง และต้องทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องกัน และทั้งหมดนี้ชาวประมงและการประมงไทยจะต้องอยู่ได้ พี่น้องผมไม่ใช่โจรนะครับ พวกเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อชาติเช่นกัน
นี่เป็นเรื่องการค้ามนุษย์เพียงอย่างเดียวนะครับ เเต่หากรวมเอาเรื่อง IUU เข้าไปผสมด้วยจะยิ่งไปกันใหญ่ ผมเห็นใจความยากลำบากในการเจรจา เพราะทั้งสหรัฐและ อียู ต่างไม่ยอมหารือในระดับรัฐมนตรีกับไทย (จะให้โทษใครครับ)
ใช้ยาแอสไพรินสิครับ ประกาศวันเลือกตั้งไปเลย ผมว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเหมือนตื่นขึ้นพบกับเช้าวันใหม่สดใส แต่หากท่านมัวแต่ครุ่นคิด หากฎหมายพิสดารมาทดแทนกฎอัยการศึกละก็ ท่านมีแต่จะนอนไม่หลับ เมื่อตื่นขึ้นมารับรองความดันขึ้นแน่นอนครับ เผลอๆ โรคหัวใจก็จะตามมา ไม่ใช่แค่ปวดหัวปวดท้อง”
ที่มา https://www.facebook.com/dr.plodprasop/posts/473338266151941:0